นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ TMI เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนในการขยายงานโดยการซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มประมาณ 30-40 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นผลิตภัณฑ์ประเภทโคมไฟ หลอด LED และเตรียมออกสินค้าใหม่อีก 2-3 รายการ และล่าสุดบริษัทฯ เพิ่งออกสินค้าใหม่ไปในช่วงเดือนพฤษภาคม 2556 คือ หลอดไฟ LED ประหยัดไฟล่าสุด ซึ่งประหยัดไฟกว่าหลอดตะเกียบ 30-50% โดยขณะนี้มีจำหน่ายในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศแถบเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และเป็นการสร้างแบรนด์สินค้าของบริษัทให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเปิดสาขาในพม่า ภายใน 1-2 เดือน ใช้เงินลงทุนราว 1-2 ล้านบาท และจะเริ่มจำหน่ายสินค้าทันที
และนอกจากนั้น บริษัทมีแผนในการขยายสาขาของร้านค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนสาขาอีก 15 สาขา เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญในการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ยอดขายมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอีก 1 แห่ง คือ Power Buy โดยนำแบรนด์ GATA เข้าไปจำหน่ายภายในเดือน มิ.ย.นี้ จากเดิมที่ขายในร้านไทวัสดุ และ Global House
อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก่อสร้างอาคารเพื่อผลิตโคมไฟตามโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3/56 เพิ่มการผลิตโคมไฟได้ 100,000 ชิ้นในช่วงเริ่มต้น และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการขยายตลาดไปยังเพื่อบ้านเพื่อรองรับ AEC นั้น บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผนธุรกิจ เพื่อกำหนดรูปแบบและรายละเอียด คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 ปี
นายธีระชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ไตรมาส 2/56 จะออกมาใกล้เคียงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีวันหยุดยาว ทำให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายลดลง และโรงงานผลิตโคมไฟLED แห่งใหม่มีควาล่าช้า ทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาในสินค้าใหม่ แต่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังรายได้จะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากโรงงานผลิตโคมไฟ LED จะเริ่มเดินเครื่องการผลิตในเชิงพาณิชย์ ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าทั้งปีรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 30% มาที่ 600 ล้านบาท ส่วนกำไรคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หลังโรงงาน LED แห่งใหม่เดินเครื่องได้เต็มที่ และมีสินค้าใหม่ออกมา 2-3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งให้อัตรากำไรสูงกว่า 25%
นายธีระชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศปีนี้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 15% ของรายได้รวม เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของบริษัทอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้จะเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10% ของรายได้รวมเล็กน้อย