(เพิ่มเติม1) MILL เดินหน้าหาพันธมิตรร่วมทุนโครงการ TSSI คาดได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 6, 2013 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เครืองาม ประธานคณะกรรมการ บมจ. มิลล์คอน สตีล (MILL) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทครั้งได้มีมติให้บริษัทเดินหน้าโครงการ บมจ. อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย (TSSI) ในการผลิตเหล็กลวดคุณภาพพิเศษ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรทางการค้าที่จะเข้ามาช่วยในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้มากขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้

“การเดินหน้าโครงการ TSSI ในการผลิตเหล็กลวดคุณภาพพิเศษ ถือว่าเป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจของ MILL พร้อมการขยายฐานการตลาดสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องจักร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และรองรับเมกะโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้น"นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมเหล็กอยู่ในช่วงการขยายตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศ อาทิ ถนน เขื่อนสร้างพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ และระบบสาธารณูปโภค การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยส่งผลให้ความต้องการเหล็กในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น หากพิจารณาในด้านศักยภาพความรู้ และเทคโนโลยีการผลิตแล้ว ประเทศไทยถือว่ามีความได้เปรียบในกลุ่มอาเซียน และในด้านการลงทุน ไทยมีความได้เปรียบมากกว่า เพราะมีกลุ่มก่อสร้างและธุรกิจยานยนต์ดึงดูดนักลงทุน

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังอนุมัติแต่งตั้งนายพินิจ จารุสมบัติ ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษา คณะกรรมการของบริษัทคนใหม่ และได้ปรับกลยุทธ์ และเพิ่มศักยภาพการผลิต เพื่อรองรับกับกับโอกาสที่จะเข้ามา โดยนโยบายของบริษัท ยังคงเน้นด้านการบริหารจัดการปริมาณเหล็กให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดความผันผวนจากราคาเหล็ก รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และสนับสนุนให้มีการขยายฐานลูกค้า ไปยังธุรกิจใน ตลาดอาเซียนอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมหาแหล่งเงินทุนเพื่อสภาพคล่อง และเพื่อการขยายธุรกิจในอนาคตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.มิลล์คอนสตีล (MILL) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้แต่งตั้ง นายวิษณุ เป็นประธานกรรมการและกรรมการอิสระ ล่าสุดได้มีการมอบนโยบายให้กับฝ่ายบริหาร โดยให้เร่งดำเนินโครงการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ที่มีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับแผนการเข้าซื้อกิจการ TSSI ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมาย และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ โดยล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแผนการเพิ่มทุนเพื่อซื้อกิจการ TSSI เรียบร้อยแล้ว

อนึ่ง ช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ประชุมผู้ถือหุ้น MILL อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 941,025,498 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 1,602,563,745 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.40 บาท และการออกหุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 750,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.40 บาท โดยจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 1,000,000,000 หุ้นและหุ้นบุริมสิทธิ จำนวนไม่เกิน 750,000,000 หุ้นให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) เพื่อเตรียมไว้สำหรับรองรับการขยายธุรกิจ, การลงทุนในธุรกิจใหม่, การใช้เป็นทุนหมุนเวียน, การจ่ายคืนหนี้ และใช้ในการเข้าซื้อทรัพย์สินของ TSSI

และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 465,900,910 หุ้นรองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกและเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (MILL-W2) ในอัตราส่วน 4หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยมีอัตราแปลงสภาพ 1 วอร์แรนต์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาแปลงสภาพหุ้นละ 2.50 บาท ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 3 ปี

นายสิทธิชัย กล่าวว่า บริษัทได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้กับนักลงทุนจากอิตาลี ที่เคยถือหุ้นอยู่ 7-8% โดยจะเพิ่มเป็น 10% และขายให้กับนักลงทุนทั่วไปอีก 2-3 ราย ส่วนจำนวนเงินที่เหลือที่จะนำไปซื้อกิจการ TSSI มี 4 ทางเลือก คือ กู้จากสถาบันการเงิน, เจรจาให้พันธมิตรที่รถือหุ้นอยู่แล้วเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น, หาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหล็กเข้ามาถือหุ้น และหาบุคคลทั่วไปมาถือหุ้น

หากสามารถเข้าซื้อกิจการ TSSI ได้จะช่วยให้บริษัทมียอดการผลิตที่เพิ่มขึ้น และสามารถผลิตเหล็กลักษณะพิเศษได้อีกด้วย โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายกาผลิตแตะ 1 ล้านตัน/ปี จากปีก่อนผลิตได้ 8 แสนตัน/ปี แต่หากซื้อกิจการ TSSI จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 แสนตัน/ปี ซึ่งจะช่วยให้รายได้ของบริษัทในปี 57 เพิ่มเป็น 2.5 หมื่นล้านบาท และในปี 58 จะมีรายได้ถึง 3 หมื่นล้านบาท

นายสิทธิชัย เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 56 ที่ 10-15% จากปี 55 ที่มีรายได้ 16,600 ล้านบาท เป็นผลมาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของภาครัฐ ประกอบกับแนวโน้มการบริโภคเหล็กโดยรวม จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 7-8% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 8% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 5% หลังจากที่โครงการ Green Mill ซึ่งเป็นการผลิตเหล็กคุณภาพสูง สามารถเดินเครื่องผลิตในเชิงพาณิชย์ได้เต็มปีในปีนี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตของ MILL ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก

รวมถึงบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล็กตัด พับ ขึ้นรูป มีการเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ไตรมาส 2/56 ใช้งบลงทุนไปราว 10-20 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นสินค้าที่คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้มีกำไรข้อนข้างมาก ขณะเดียวกันในปีนี้ไม่ได้มีการตั้งสำรองพิเศษเหมือนปีก่อนที่ต้องมีการตั้งสำรองพิเศษ 2-3 รายการ จะส่งผลให้ในปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปี 55 ที่ทำได้ประมาณ 100 ล้านบาท

ส่วนในไตรมาส 2/56 บริษัทฯ รายได้จะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายเหล็กล่วงหน้าไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/56 ขณะที่ราคาเหล็กเฉลี่ยอยู่ที่ 21 บาท/กิโลกรัม แต่ราคาเหล็กในไตรมาส 2/56 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งบริษัทฯจะไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ ส่วนราคาเหล็กในปีนี้บริษัทฯคาดว่ายังคงอยู่ในทิศทางที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้งปีราคาเหล็กจะเฉลี่ยอยู่ที่ 19.50 บาท/กิโลกรัม ใกล้เคียงกับปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ