"ทริส"คงเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ SPALI ที่ A-,เปลี่ยนแนวโน้มเป็น Positive

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 7, 2013 13:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) ที่ระดับ “A-" พร้อมทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Positive" หรือ “บวก" จาก “Stable" หรือ “คงที่" เนื่องจากคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นในอนาคตจากการมียอดขายคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้รายได้จำนวนมาก อันดับเครดิต “A-" สะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยและแบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลาง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง รวมถึงความกังวลในด้านต้นทุนการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะการขาดแคลนแรงงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ใน

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive" หรือ “บวก" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปี 2557-2558 ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถบริหารการส่งมอบคอนโดมิเนียมที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน บริษัทควรรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ให้ได้ในระยะปานกลางในช่วงการขยายธุรกิจ การรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมที่มีความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญหรือสถานะทางการเงินที่อ่อนแอลงก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปรับลดอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทลงในอนาคต

บริษัทศุภาลัย เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูล ตั้งมติธรรม ณ เดือนมีนาคม 2556 ตระกูลตั้งมติธรรมซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทถือครองหุ้นในสัดส่วนทั้งสิ้น 28% และบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 82 โครงการด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือประมาณ 24,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นจำนวนมากอีกประมาณ 32,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3 เท่าของฐานรายได้ในปัจจุบัน โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมคิดเป็น 57% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด และโครงการบ้านจัดสรรอีก 43% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้

ยอดขายของบริษัทในปี 2555 อยู่ที่ 22,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จาก 18,026 ล้านบาทในปี 2554 ยอดขายที่เติบโตเป็นผลมาจากการตอบรับที่ดีในโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปี 2555 โดย ณ เดือนมีนาคม 2556 โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่ในปี 2555 มียอดขายมากกว่า 90% ทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมในปี 2555 เพิ่มขึ้น 33% เป็น 17,122 ล้านบาท ยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรอยู่ที่ 5,320 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 5,136 ล้านบาทในปี 2554 ยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2556 ลดลง 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 3,583 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากยอดขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงมากถึง 49% เป็น 1,864 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 โดยบริษัทเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพียงโครงการเดียวในปลายเดือนมีนาคม 2556 ในขณะที่อีก 6 โครงการมีแผนจะเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปี 2556

บริษัทมีรายได้จำนวน 11,513 ล้านบาทในปี 2555 ลดลงเล็กน้อยจาก 12,686 ล้านบาทในปี 2554 โดยรายได้จากคอนโดมิเนียมลดลง 29% เป็น 5,696 ล้านบาทในปี 2555 รายได้จากโครงการบ้านจัดสรรเท่ากับ 5,564 ล้านบาทในปี 2555 เติบโต 25% จาก 4,463 ล้านบาทในปี 2554 รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้น 33% เป็น 2,106 ล้านบาท โดยรายได้จากทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเติบโต 5% และ 54% ตามลำดับ หากพิจารณาถึงยอดขายที่รอส่งมอบจำนวน 32,000 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2556 แล้ว บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการโอนบ้านและคอนโดมิเนียมจำนวน 7,700 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี 2556 และอีกประมาณ 11,000 ล้านบาทต่อปีในปี 2557 และปี 2558

สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง บริษัทมีอัตรากำไรที่สูงกว่าผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 30%-33% ในช่วงปี 2554 ถึง 3 เดือนแรกของปี 2556 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีระหว่าง 30%-34% ในช่วงปี 2552-2555 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็อยู่ในระดับสูงที่ 50%-54% ในช่วงปี 2553-2555 และเท่ากับ 13% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 ทั้งนี้ สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทได้รับแรงหนุนจากวงเงินกู้ที่มีกับธนาคารพาณิชย์ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 18,549 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2556


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ