(เพิ่มเติม) SC เปิด 8 โครงการใหม่กว่า 1 หมื่นลบ.ใน H2/56,เปิด 3 คอนโดใหม่ปลายมิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 7, 2013 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC)เปิดเผยว่า แผนช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดอีก 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว New Series 2013 และทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยมในทำเลที่หลากหลายและมีศักยภาพ จากแผนธุรกิจตลอดปีนี้ที่จะเปิดโครงการใหม่รวม 13 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกเปิด 5 โครงการใหม่ รวม 3 โครงการเซ็นทริค กับโครงการ แชมเบอร์ส (CHAMBERS) รามอินทรา คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์อารมณ์บ้าน และโครงการบ้านเดี่ยว ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด รังสิต

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SC เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบปีที่ 10 ของการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SC จะนำการสื่อสารเชิงรุกพร้อมเปิดตัวสโลแกนใหม่“For Good Morning"ชีวิตที่ดีมาจากจุดเริ่มต้นที่ดี พร้อมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์"เซ็นทริค"3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 7,800 ล้านบาท ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน วันที่ 20-23 มิ.ย.เพื่อสอดรับแผนธุรกิจที่มีเป้าหมายในการเติบโตแบบมีคุณภาพและยั่งยืน ภายในงานจะพบกับ โครงการเซ็นทริค ซี พัทยา, โครงการเซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น และ โครงการเซ็นทริค รัชดา-ห้วยขวาง

ทั้งนี้ นำมาสู่แผนงานสื่อสารครบวงจร เพื่อสร้างการรับรู้ แบรนด์เอสซีฯ ในวงกว้าง ให้เป็นที่จดจำง่าย ซึ่งประกอบไปด้วยภาพยนตร์โฆษณา Corporate ชุด “For Good Morning" ผ่านสื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อ Outdoor และดิจิทัลมีเดีย ตลอดจนแผนงานสื่อออนไลน์ เพื่อสร้างกระแสต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ร.อ.กรี กล่าวว่า “โครงการ เซ็นทริค ซี พัทยา" เป็นคอนโดมิเนียมเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่เน้นความสมบูรณ์แบบของ Facilities มาจากแรงบันดาลใจการออกแบบธรรมชาติของท้องทะเล ตั้งอยู่ติดถนนพัทยาสาย 2 ตรงข้ามโรงแรม Hard Rock ห่างจากทะเล 380 เมตร ใกล้เซ็นทรัล เฟสติวัล และบิ๊กซี บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท จำนวน 3 อาคาร รวม 999 ยูนิต มีห้องให้เลือก 3 แบบ ตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 27- 96 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 2.19 ล้านบาท

ส่วนที่กรุงเทพฯ มี 2 ทำเล ตั้งอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้า ได้แก่ “โครงการ เซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น" ที่มี จุดเด่น คือ เน้นความเป็นธรรมชาติและบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยต้นจามจุรีขนาดใหญ่ พร้อมสวนพักผ่อนสวยงามกับงานดีไซน์สไตล์ Modern Italian อยู่ในซอยอารีย์ 1 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอารีย์เพียง 380 เมตร บนพื้นที่กว่า 2.2 ไร่ มี 2 อาคาร จำนวน 516 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ขนาด 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 26-60 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท

สุดท้าย “โครงการ เซ็นทริค รัชดา-ห้วยขวาง" ทำเลซีบีดีแห่งใหม่ที่กำลังได้รับนิยม ตั้งอยู่ใกล้ MRT สถานี ห้วยขวางเพียง 120 เมตร และติดถนนรัชดา-ห้วยขวาง บนพื้นที่กว่า 3.2 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท มี 1 อาคาร จำนวน 674 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 26-88 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.09 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด Magic Movement

ทั้งนี้ คาดการณ์จากการจัดงาน 4 วัน เอสซี แอสเสท จะได้รับยอดขายรวม 2,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

นายณัฐพงศ์ คาดว่ากำไรในปีนี้จะออกมาใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากยอดขายและรายได้ที่เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ประกอบกับบริษัทได้มีการบริหารต้นทุนต่างๆให้มีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนไม่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการเปิดโครงการคอนโดใหม่ในปีนี้ 13 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท

"กำไรปีนี้เราคาดว่าเปอร์เซ็นต์ในการเติบโตของกำไรใกล้เคียงกับปีก่อน และส่งผลทำให้กำไรสุทธิมากกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นตามยอดขายและรายได้ในปีนี้ และการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 13 โครงการ"นายณัฐพงศ์ กล่าว

บริษัทยังไม่มีแผนในการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนต่างๆได้อย่างดี

ทั้งนี้บริษัทมียอดขาย 5 เดือน อยู่ที่ 4 พันล้านบาท และคาดว่ายอดขายและรายได้ในไตรมาส 2/56 จะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาส 1/56 เนื่องจากในไตรมาส 2/56 มีแผนในการเปิดคอนโดฯ เซ็นทริค 3 โครงการใหม่ คาดว่าจะทำยอดขายในวันเปิดตัว 4 วันแรกได้ 2,000 ล้านบาท ประกอบกับการออกเคมเปญฉลองครบรอบ 10 ปี จะช่วยให้ทำยอดขายได้มากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 7.8 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 15% และในปี 57 รับรู้รายได้อีก 40% และอีก 45% จะทยอยรับรู้ในปี 58

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลเชิบวกต่อบริษัทไม่มากนัก ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลงและทำให้การปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น

นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และความต้องการในตลาดก็ยังมีอยู่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ