“ปัจจุบันโครงการ RDF ของเราได้เริ่มดำเนินธุรกิจไปแล้วในลักษณะคัดแยกกากอุตสาหกรรมที่รับเข้ามากำจัด ที่มีค่าความร้อนมาจัดจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงทดแทน แต่หลังจากที่เครื่องจักรผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งติดตั้งแล้วเสร็จ ผ่านการ Test Run และสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้จะทำให้ในเฟสแรกเราสามารถผลิตได้ประมาณเดือนละ 250 ตัน และรับรู้เป็นรายได้ทันทีตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทในปี 56 เติบโตได้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกเหนือจากการขยายตัวของธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบฝังกลบทั้งกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย รวมทั้งการนำกลับมาใช้ใหม่ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่เราสามารถสร้างผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น" นายสุทัศน์ กล่าว
ทั้งนี้ BWG รายงานผลประกอบการงวด 3 เดือนประจำไตรมาส 1/56 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.56 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/55 ที่มีรายได้รวม 262 ล้านบาท ส่งผลให้ในงวดไตรมาส 1/56 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 35.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.37 ล้านบาท หรือร้อยละ61
สำหรับการเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ และปริมาณกากอุตสาหกรรม หลังจากที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และขยายการให้บริการครบวงจรยิ่งขึ้น ในขณะที่ต้นทุนจากการให้บริการลดลง โดยบริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรม จำนวน 289 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 263 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 26 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ10 ในขณะที่ต้นทุนจากการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรม สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.56 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีต้นทุนจำนวน 193 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 67 ของรายได้ เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 181 ล้านบาท หรือร้อยละ 69 ของรายได้