ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 9.53 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 15,238.59 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.57 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 1,642.81 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 4.55 จุด หรือ 0.13% แตะที่ 3,473.77 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐ สู่ระดับมีเสถียรภาพ จากแนวโน้มในเชิงลบ โดยระบุถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นโตเกียวที่พุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อวานนี้ หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ เป็น 4.1%ต่อปี จากก่อนหน้านี้ที่ประมาณการไว้ที่ 3.5% ต่อปี หลังจากที่ได้มีการปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขการลงทุนในภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในเวลาที่เร็วกกว่ากำหนด หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ส่วนอัตราว่างงานขยับขึ้นแตะ 7.6% ในเดือนพ.ค. จาก 7.5% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 167,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.5%
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากข้อมูลการส่งออกที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศโดยรวมของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 3.451 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงอย่างมากจากที่ขยายตัว 15.7% ในเดือนเม.ย.
หุ้นแอปเปิลปรับตัวลง 0.66% แม้บริษัทประกาศเปิดตัว iTunes radio ก็ตาม ขณะที่หุ้นแพนโดรา มีเดีย พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้นแมคโดนัล พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนที่แล้ว ส่วนหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4.5%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกสินค้าภาคค้าส่งจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. และคาดว่ายอดค้าส่งจะลดลง 0.1% ในเดือนเม.ย.