ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 295.22 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,864.36 จุด ลดลง 8.23 จุด หรือ -0.21% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,307.69 จุด เพิ่มขึ้น 53.01 จุด หรือ +0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,400.45 จุด ลดลง 11.54 จุด หรือ 0.18%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน โดยในช่วงแรกตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ เป็น 4.1%ต่อปี จากก่อนหน้านี้ที่ประมาณการไว้ที่ 3.5% ต่อปี หลังจากที่ได้มีการปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขการลงทุนในภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ในระหว่างวัน ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐ สู่ระดับมีเสถียรภาพ จากแนวโน้มในเชิงลบ โดยระบุถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มอ่อนแรงลงในเวลาต่อมาหลังจากสำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศโดยรวมของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 3.451 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงอย่างมากจากที่ขยายตัว 15.7% ในเดือนเม.ย.
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของอิตาลี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี (Istat) เปิดเผยว่า จีดีพีในไตรมาสแรกปี 2556 ของอิตาลีปรับตัวลง 0.6% จากช่วงไตรมาส 4 ปี 2555 และร่วงลง 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งย้ำให้เห็นว่าเศรษฐกิจอิตาลีอาจจะกับภาวะถดถอยต่อไป
นอกจากนี้ Istat รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนเม.ย.ของอิตาลีหดตัวลง 0.3% จากเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และหากเทียบกับช่วงเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว การผลิตในภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 4.6%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2.8% และหุ้นริโอทินโตดิ่งลง 2.4% ขณะที่หุ้นลอนมินร่วงลง 3.2% และหุ้นอันโตฟากัสต้า ดิ่งลง 1.2%