อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มการขายของต่างชาติจะมีความรุนแรงลดลง เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นไทยเข้าเขต Oversold ไปแล้วจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ซึ่งการที่ต่างชาติเทขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร เนื่องจากกังวลผลประกอบการไตรมาส 2/56 จะไม่ดีเท่าไตรมาส 1/56 และมองว่าตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะปรับตัวมากกว่านี้ เนื่องมีเม็ดเงินจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ช่วยพยุงตลาดไว้ โดยรอบนี้จะมีวงเงินราว 2.1 พันล้านบาท
ส่วนในอนาคตเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคหรือไม่นั้น นายจรัมพร กล่าวว่า ยังไม่มีความแน่นอน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจจีนก็ออกมาต่ำ ซึ่งจะกระทบการส่งออกของไทย เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเชื่อว่าไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ
"ตลาดฯได้รายงานภาวะการซื้อขายหุ้นในวันนี้ให้กับสำนักงานก.ล.ต.และกระทรวงการคลังทราบแล้ว" นายจรัมพร กล่าว
ทั้งนี้ นายจรัมพร เปิดเผยว่า ตลท.อาจพิจารณาปรับแผนงานตลาดประจำปี 56 ในกลางปีนี้ และในสัปดาห์หน้าตลาดจะไปโรดโชว์ยุโรป 6 ประเทศ เยอรมนี เดนมาร์ก อังกฤษ สก็อตแลนด์ สวีเดน และฮอลแลนด์ โดยไปร่วมบริษัทจดทะเบียนกลุ่มต่าง ๆ เช่น รับเหมาก่อสร้างใหญ่ อสังหาฯ และสินค้าอุปโภคบริโภค
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันภาพเศรษษฐกิจภายนอกยังออกมาในทิศทางที่ดี อย่างเช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ออกมาดีกว่าคาด ทำให้มีแนวโน้มในการอัดฉีดเงินเข้าระบบลดลง ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงตามสภาพคล่องที่ลดลง
แต่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยก็ยังดีอยู่ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและสภาพคล่องก็ยังมีอยู่ในระดับที่ดี โดยในปีนี้คาดว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยจะมีกำไรโตประมาณ 20% และปี 57 คาดว่ามีกำไรโตประมาณ 15% แต่การที่จะเห็นภาพของตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง 30-40% อาจจะไม่ได้เห็นอีกต่อไป
“เราคาดว่าอาจจะไม่ได้เห็นตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง 30-40% อีก เนื่องจากมีแนวโน้มของการอัดฉีดเงินเข้าระบบลดลง แต่อย่างไรก็ตามหุ้นไทยก็ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งเราคาดว่าในปีนี้บริษัทจดทะเบียนในประเทมศไทยจะมีกำไรโตประมาณ 20% และปีหน้ากำไรโตประมาณ 15% แต่เราก็มองในกรณีที่ตลาดแย่มากมองแนวรับไว้ที่ 1,400 จุด P/E 12 เท่า ซึ่งเป็นแนวรับตามปัจจัยพื้นฐาน"นายกวี กล่าว
นายกวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาลง ส่วนระยะกลางตลาดก็มีแนวโน้มในช่วงขาขึ้นและมีการแกว่งตัวไซด์เวย์ นอกจากนี้คาดว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/56 ถ้าไม่มีปัจจัยทางการเมืองในประเทศเข้ามากดดันตลาด แต่หากมีปัจจัยทางการเมืองในประเทศเข้ามากดดันตลาดในช่วงกลางปี (มิ.ย.-ก.ค.56) ก็คาดการณ์ว่าตลาดอาจจะมีการเลื่อนกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 1/57
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนให้มีการทบทวนพอร์ทของตนเองว่าหุ้นที่เข้าไปลงทุนเป็นอย่างไรและมีความหวือหวาในการลงทุนมากน้อยแค่ไหน และควรถือเงินสดไว้ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง พร้อมเลือกเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มี P/E 10 เท่าต้นๆ หรือ P/E ประมาณ 11-12 เท่า มี ROE มากกว่า 20% และมี Dividend Yield ประมาณ 5%