ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 116.57 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 15,122.02 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 16.68 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 1,626.13 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 36.82 จุด หรือ 1.06% ปิดที่ 3,436.95 จุด
บีโอเจมีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษในการประชุมวันนี้ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่คาดว่าบีโอเจอาจอัดฉีดเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารพาณิชย์ หรือออกมาตรการใหม่ๆเพิ่มเติม เพื่อสกัดการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า เฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในเวลาที่เร็วกกว่ากำหนด หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ส่วนอัตราว่างงานขยับขึ้นแตะ 7.6% ในเดือนพ.ค. จาก 7.5% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 167,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.5%
ส่วนดัชนีนิกเกอิร่วงลง 1.48% เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่บีโอเจไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อบรรเทาภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดช่วงนี้ โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมความผันผวนในตลาดพันธบัตร
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ว่า ธนาคารอาจลดการซื้อบอนด์ในการประชุมอีกไม่กี่ครั้งข้างหน้า ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ
โดยตลาดจะจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของเฟดซึ่งกำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกนดิ่งลง 1.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.8%
หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ดิ่งลง 3.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้และยอดขายในไตรมาส 2 ส่วนหุ้นโดล ฟู๊ด ทะยานขึ้น 22.16%
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณเดือนพ.ค.ในวันนี้เวลา 1800 GMT หรือ 01.00 น.ตามเวลาไทยในวันพฤหัสบดี ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนพ.ค.จะอยู่ที่ 1.100 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.