ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าผลงานทั้งปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ที่วางไว้คือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,094.93 ล้านบาท
นายบดินทร์ กล่าวว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/56 จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/56 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 26.49 ล้านบาท และไตรมาสที่เหลือของปีนี้ก็จะยังคงเติบโตขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากงานที่เข้ามาเพิ่มขึ้นทำให้รายได้เติบโตขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับราคางานที่สูงขึ้นตามภาวะตลาด ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาส 1/56 ที่อยู่ในระดับ 17% ประกอบกับ บริษัทมีการปรับปรุงและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง ทำให้กำไรออกมาดีขึ้น
"แม้ในไตรมาส 2/56 จะมีช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันทำการ แต่บริษัทฯ คาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวจะเติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/56 และทำได้มากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากงานโครงการต่างๆ เริ่มทยอยดำเนินงานได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับงานก่อสร้างและงานฐานราก เสาเข็มเจาะ ยังคงมีดีมานด์อยู่ในระดับสูง"นายบดินทร์ กล่าว
ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เพิ่มกำลังการผลิต โดยลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เพื่อรองรับงานที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้ทยอยปรับราคารับงานขึ้น เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ฉะนั้นคงช่วยสนับสนุนให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ดีขึ้นอีกด้วย และในปีนี้บริษัทได้มีการซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 3 ชุด เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับการรองรับงานใหม่ที่ได้รับมา อย่างไรก็ตามบริษัทยังต้องมีการพัฒนาบุคคลากรของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายบดินทร์ เปิดเผยต่อว่า บริษัทมีการเจรจารับงานช่วงในงานวางฐานรากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจากบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) มูลค่าราว 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่บริษัทได้รับค่าแรง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือน
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานฐานรากมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท งานก่อสร้างมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีโอกาสชนะงานประมูลดังกล่าวประมาณ 25-30% ของมูลงานที่ยื่นประมูลทั้งหมด ขณะที่บริษัทมีงานในมือ(Backlog) แล้ว 1,100-1,200 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 70% และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯในปีหน้า