สำหรับในปี 56 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-30% จากปีก่อน และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8% อัตรากำไรสุทธิที่ 3% บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ 400-500 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่าจะเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวที่ร่มเกล้าและที่รังสิต รวมมูลค่า 1.4 พันล้านบาทได้ในปีหน้า
ส่วนคดีฟ้องร้องที่ดูไบใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว คาดว่าจะบันทึกกำไรกว่า 100 ล้านบาทได้ในช่วงครึ่งหลังปี 56
นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส แผนกธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ NWR กล่าวว่า ในปี 56 นี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-30% จากปี 55 ที่มีรายได้ 7.3 พันล้านบาท จากงานที่เข้ามามากขึ้นที่มาจากงานอสังหาริมทรัพย์และงานด้านบริการ รวมถึงจากงานที่มีอยู่ในมือ(Backlog)
ปัจจุบัน บริษัทฯมี backlog ทั้งสิ้นจำนวน 3,380 ล้านบาท จากปี 55 อยู่ที่ 5,354 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีงานในมือทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท หากภาครัฐเปิดประมูลโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท รวมถึงบริษัทเตรียมเข้าประมูลโครงการที่จะเข้าประมูลในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 5,000 ล้านบาท และรอผลสรุปการประมูลโครงการอีกกว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะชนะการประมูลได้เกินครึ่ง
บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8% และอัตรากำไรสุทธิที่ 3% เนื่องจากมีงานเข้ามาเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนสินค้าลดลงโดยในส่วนอัตรากำไรขั้นต้นมองว่าจะดีขึ้น เนื่องจากมีการแข่งขันน้อยลง
นายปสันน กล่าวถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วมทุนกับ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โดยมีการโอนแล้ว 1,750 ล้านบาท และจะโอนเข้าไปอีก 700 ล้านบาท
สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวที่รังสิต จำนวน 198 ยูนิต ที่มีมูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท จะเริ่มโอนได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี บริษัทจะเปิดขายโครงการอีซี่คอนโดเฟส 2 ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างในปีนี้ และจะสามารถโอนให้ลูกค้าได้ในช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4/58 รวมถึงจะเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวที่ร่มเกล้าในปี 57 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท และจะโอนได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยตั้งงบลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ไว้ 400-500 ล้านบาท
ทั้งนี้จากกรณีคดีฟ้องร้องที่ดูไบ ขณะนี้ใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว หากได้ข้อสรุปจะสามารถบันทึกรายได้เข้ามาอีกกว่า 100 ล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้