ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/56 จะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/56 ที่มีรายได้ 570 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกยังทรงตัว ทำให้การบริโภคยังไม่เติบโตมากขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่น มีเทศกาลต่างๆโดยเฉพาะในไตรมาส 4/56
นายทรงพล เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในไตรมาส 4/56
“เรามี 1 ดีล ที่เป็นต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในไทย อาจจะคล้ายกับ JML เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีก ซึ่งตอนนี้เราก็คุยๆกันอยู่ คาดว่าในไตรมาส 4/56 ก็น่าจะมีความชัดเจน"นายทรงพล กล่าว
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าจากการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี(ปี 56-60)จะช่วยสร้างความเข้มแข็งในทุกด้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและโอกาสการสร้างรายได้และทำกำไรที่ดีขึ้น โดยภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทยึดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่มุ่งดำเนินแผนงานใน 4 ด้านได้แก่ เสริมสร้างรายได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่อง เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินและการจัดหาแหล่งเงินทุน เสริมสร้างความยั่งยืน และสร้างการเติบโตโดยการร่วมลงทุนกับพันธมิตรและการรวมกิจการ เพื่อผลักดันรายได้ให้ในปีนี้ให้เติบโตตามแผนที่ได้วางไว้
ทั้งนี้ TVD ได้ดำเนินการเพื่อสร้างความเข้มแข็งภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในด้านการทำตลาด ซึ่งบริษัทฯ ได้ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสในการผลักดันรายได้ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับ บมจ.ซีทีเอช(CTH) ดำเนินธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง ผ่านโครงข่ายของ CTH ซึ่งดำเนินการออกอากาศเคเบิลทีวีทั่วประเทศไทย ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน TVD ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่ค้าปลีก เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตจากธุรกิจดังกล่าว โดยได้ร่วมทุนกับบริษัท JML ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Screen to Screen จากประเทศอังกฤษ จัดตั้งบริษัท JML Direct (Thailand) เพื่อรุกธุรกิจค้าปลีกในไทย นำเข้าสินค้าและทำตลาดสินค้า Life Style& Living โดยชูจุดแข็งด้านนวัตกรรมสินค้าที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ซึ่งจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้ง เทสโก้ โลตัส และแม็คโคร จำนวน 300 แห่งในปีแรกและเพิ่มเป็น 800 แห่งในปี 57
บริษัทยังสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้สอดคล้องกับโครงการต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ ที่จำเป็นต้องระดมเงินทุนให้เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 188 ล้านบาท เป็น 246.75 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 117.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
หุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวแบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 ส่วนดังนี้ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 94 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท พร้อมทั้งจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 (TVD-W1) ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า
และ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 23.5 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตาม TVD-W1 ที่ออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและได้รับจัดสรร หากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิใช้สิทธิทั้งหมด บริษัทฯจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนรวมทั้งสิ้น จำนวน 505.25 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปลงทุนขยายกิจการได้อีกมาก