ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 126.79 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 14,995.23 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.61 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 1,612.52 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 36.52 จุด หรือ 1.06% ปิดที่ 3,400.43 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น แต่ก็ปรับตัวลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะลดขนาดโครงการ QE ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวมีขึ้นนับตั้งแต่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสว่า การลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ QE นั้น อาจจะมีขึ้นในการประชุมในอีกไม่กี่ครั้งข้างหน้า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจด้านต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและข้อมูลด้านการจ้างงานของสหรัฐ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลเหล่านี้อาจจะช่วยให้เฟดตัดสินใจได้ว่าควรลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรหรือไม่ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงสู่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 346,000 ราย
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ซึ่งคาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.4% และจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ซึ่งคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.3% นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของเฟดซึ่งกำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า หุ้น Yum! Brands ปรับตัวลง 0.08% หลังจาก Kentucky Fried Chicken ทำยอดขายลดลง 19% ในร้านค้าทั่วประเทศจีนในเดือนพ.ค. หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วงลง 2.4% ขณะที่หุ้นเลกก์ เมสัน ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุน ดิ่งลง 2.7% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว