นายจรัมพร กล่าวว่า การปรับตัวลงของดัชนีหุ้นไทยราว 5 %ในช่วงเช้าวันนี้ ทำให้ค่า P/E ของตลาดลงมาอยู่ที่ 12.45 เท่า และมูลค่าตลาดอยู่ที่ 11.6 ล้านล้านบาท เป็นจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน ซึ่งพื้นฐานหุ้นไทยรองรับได้ และไม่มีความกังวลภาวะการปรับตัวลดลงของดัชนีครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ก็น่าจะมีความระมัดระวังในการลงทุน
เมื่อดูปัจจัยพื้นฐานว่า สาเหตุที่เงินไหลกลับเข้าสหรัฐฯ มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐ และยังมีแน้วโน้มที่มีการฟื้นตัวดีกว่าในประเทศอื่นๆ หากเป็นเช่นนั้นเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้ประโยชน์เช่นกัน อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้มีเงินทุนไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียมากเกินไป เมื่อช่วงนี้มีเงินไหลกลับได้บ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับตัวบ้าง
ในส่วนพื้นฐานของไทยมองว่าภาวะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมองว่าปัจจุบันตลาดหุ้นอยู่ระหว่างการปรับตัว ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติในไม่ช้านี้
"มองว่าหากเป็นการลงทุนระยะยาว P/E ที่ 12.45 เท่า มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ถ้าหากเป็นการซื้อขายระยะสั้นก็ต้องมีการติดตามตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด เรื่องความผันผวน และการไหลเข้าออกของเงิน"นายจรัมพร กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีแนวคิดที่จะมีมาตรการพิเศษหรือจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น เนื่องจากมองว่าเร็วเกินไป ขณะที่บริษัทจดทะเบียนของไทยยังมีแนวโน้มที่ดี และยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดที่ต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยพึ่งพาสัดส่วนจากเงินลงทุนต่างประเทศเพียง 20% ซึ่งเห็นว่าต้องใช้เวลาการปรับตัวก่อน และนักลงทุนไทยก็มีความเข้าใจถึงภาวะตลาดหุ้น ก็จะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับสู่ภาวะปกติได้
นายจรัมพร กล่าวว่า การขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มเห็นตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ได้ขายออกไปแล้ว ประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ได้แก่ ตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่มีนักลงทุนต่างชาติขายออกมาประมาณ 1.8 พันล้านเหรียญในช่วงเวลาเดียวกัน