บริษัทคาดว่าปีนี้ยอดขายน้ำมันจะมีอัตราเติบโตราว 40-50% ใกล้เคียงกับก่อน โดยในปี 55 มียอดขาย 41,723 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 1% จากปี 55 อยู่ที่ 0.89% และจากไตรมาส 1/56 เพิ่มขึ้นมาที่ 1.05% เนื่องจากบริการด้านโลจิสติกส์ขยายตัวได้ดีขึ้น
สำหรับการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันที่บริษัทบริหารเอง(COCO)ประมาณ 130 สาขานั้น มองว่าครึ่งปีแรกจะขยายปั๊มได้ประมาณ 65-70 สาขา ซึ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันที่บริหารโดยตัวแทน(DODO)ประมาณ 25 สาขา คาดว่าอีก 6 เดือนที่เหลือนี้จะขยายปั๊มได้ประมาณ 10 สาขา ซึ่งจะสามารถเป็นไปตามเป้าหมาย โดยสิ้นสุดเดือนมี.ค.56 ได้เปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่จำนวน 32 สาขาไปแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายคลังน้ำมันเพิ่ม โดยเป็นลักษณะการเช่า 2-3 แห่งภายใน 1-2 ปีข้างหน้า(ปี 56-57) ค่าเช่าคลังน้ำมันต่อจุดจะอยู่ประมาณ 100,000 บาท/เดือนในภาคอีสานและภาคเหนือ เพื่อครอบคลุมเส้นทางในการขนส่งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันคลังน้ำมันมีกำลังการผลิต(บรรจุ)น้ำมันได้ที่ 186 ล้านลิตร
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ NON-OIL ได้แก่ กาแฟพันธุ์ไทย และร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ทเป็น 5-10% ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1%
ด้านกองคาราวานรถบรรทุกน้ำมันของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะซื้อรถสิบล้อบรรทุกน้ำมันเฉลี่ยปีละประมาณ 30 คัน และรถพ่วงบรรทุกน้ำมัน เฉลี่ยปีละประมาณ 50 คันนั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดซื้อไปแล้วในบางส่วน ซึ่งส่งผลให้การกระจายสินค้าจากคลังน้ำมันที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่นั้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีความมั่นใจว่าสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ และบริษัทฯ ยังคงเน้นกลยุทธ์ในการให้บริการสถานีน้ำมันบนถนนสายรอง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบหลักของบริษัทฯ ประกอบกับการมีคลังน้ำมันที่กระจายทั่วประเทศและกองบรรทุกน้ำมันเป็นของตนเอง ส่งผลให้การควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มสถานีบริการน้ำมันโดยรวมในปี 60 มากกว่า 1,200 ทั่วประเทศ ครอบคลุมการให้บริการทุกพื้นที่