(เพิ่มเติม) OFM ตั้งเป้าปี 56 รายได้โต 20% จากปีก่อนทำได้ 7.1 พันลบ.หลังควบรวม B2S

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 13, 2013 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ออฟฟิศเมท(OFM) ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโตราว 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 7.1 พันล้านบาท หลังจากควบรวมกิจการกับ B2S และ Office Depo ของครอบครัวจิราธิวัฒน์ที่เข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท โดยน่าจะเห็นผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/56 ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1-ไตรมาส 2/56 บริษัทได้ปรับปรุงร้าน B2S ให้มีความทันสมัยขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรก

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ OFM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 20% จากที่ปี 55 มีรายได้ที่ 7,180 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รวมธุรกิจออฟฟิศเมท ออฟฟิศดีโป และบีทูเอส จึงทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/56 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/56 เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ระหว่างการควบรวมกิจการ ซึ่งขณะนั้นทำให้คลังสินค้าไม่พอเก็บ และเกิดปัญหาพนักงานขาด รวมถึงมีปัญหาในส่วนของซอฟแวร์ด้วย ทำให้ยอดขายเติบโตไม่ดีเท่าที่ควร แต่มองว่าช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะเติบโตมากขึ้น

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1/56 และไตรมาส 2/56 บริษัทมีแผนพัฒนาธุรกิจและปรับปรุงรูปแบบร้านบีทูเอสใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ โดยเน้นทำการตลาดในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และจะกระตุ้นการขายหน้าร้านโดยรุกทำกิจกรรมทางการตลาด (event)ให้มากขึ้น

และมีแผนเปิดสาขาใหม่อีกกว่า 10 สาขาในปีนี้ ทำให้คาดว่าจะมีสาขาร้านในเครือกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท และจะเห็นรูปแบบของร้านบีทูเอสใหม่ได้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4

ในส่วนของ OFM ได้มีการรุกธุรกิจในรูปแบบการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น ทั้งระบบเว็บไซต์ www.OfficeMate.co.th และ OfficeMate Contact Center คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในรูปแบบเว็บไซต์ได้ในไตรมาส 3/56 รวมถึงด้านโลจิสติกส์จะเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าในวันถัดไป Next Day Delivery โดยขยายพื้นที่บริการจัดส่งฟรีจากเดิม 13 จังหวัด เป็น 23 จังหวัด เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

"ภาพรวมของธุรกิจในขณะนี้อยู่ในช่วงของการปรับแผนทางธุรกิจและขยายสาขา รวมถึงการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ของหน้าร้าน OfficeMate ซึ่งภายในช่วงปลายปีนี้เตรียมที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4 สาขา และปรับปรุงใหม่อีก 3 สาขา ในต่างจังหวัดและปริมณฑล เพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศกว่า 50 สาขา โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการสั่งซื้อออนไลน์ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น

ในส่วนของคลังสินค้าที่หนองจอก เราได้มีการขยายพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าในสต็อกที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนกว่า 15,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถจัดเก็บสินค้าเพื่อรองรับการสั่งซื้อทั้งหน้าร้านและระบบออนไลน์ ซึ่งมีสินค้าในคลังมากกว่า 80,000 รายการ ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ พร้อมทั้งขยายบริการต่างๆไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งสินค้าตามภูมิภาคมากขึ้น เพื่อกระจายสินค้าไปยังฐานลูกค้าต่างจังหวัด และลูกค้าองค์กร รวมถึงลูกค้าทั่วไป โดยปีนี้ตั้งเป้าการขยายสาขาใหม่ 10 สาขา เพื่อให้ครองคลุมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น"นายวรวุฒิ กล่าว

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรม มองว่ากำลังซื้อของลูกค้าจะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าประเภทสำนักงานยังมียอดขายดีอยู่ และประเภทออนไลน์ มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่อยู่ในโลกออนไลน์ได้ง่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ