ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 290.51 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,304.63 จุด เพิ่มขึ้น 5.18 จุด หรือ +0.08% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,095.39 จุด ลดลง 47.88 จุด หรือ -0.59% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,797.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.28 จุด หรือ +0.11%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนแรงลงหลังจากธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกลงสู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาว่าจะขยายตัว 2.4% เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงจีนและบราซิล ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปอันเนื่องมาจากการปรับลดงบประมาณรายจ่ายและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่หดตัวลง ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์ GDP ทั่วโลกในครั้งนี้
แต่ตลาดเริ่มลดแรงลบในเวลาต่อมา เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 มิ.ย. ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 334,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 346,000 ราย สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เนื่องจากภาคครัวเรือนเพิ่มการใช้จ่ายในการซื้อยานยนต์และสินค้าประเภทอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 3.3% ขณะที่หุ้น Deutsche Boerse AG ปรับตัวลง 1.3% และหุ้นเอเบอร์ดีน แอสเซท เมเนจเมนท์ ร่วงลง 1.6%
หุ้นโฮม รีเทล ดิ่งลง 9% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะยังคงซบเซา