(เพิ่มเติม) ฟิทช์จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ของ PTT ที่ 'AAA(tha)'

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 17, 2013 16:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2566 ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ 'AAA(tha)' โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดและใช้ในการลงทุนใหม่

หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ PTT เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ

สำหรับปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิตนั้น ประการแรกได้แก่ การที่ปตท.เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งชาติ โดยฟิทช์ระบุว่า อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของปตท.ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย ความสำคัญในเชิงกลยุทธ์และการเป็นตัวจักรสำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวกับการพัฒนาและความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ปตท.เป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย โดยก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ นอกจากนี้ ปตท. ยังเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีในประเทศไทยอีกด้วย

ประการที่สอง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยฟิทช์ระบุว่า สถานะทางการเงินของปตท.ได้ประโยชน์จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีความสม่ำเสมอ อันเป็นผลมาจากสัญญาการจัดจำหน่ายระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงโครงสร้างราคาที่สามารถส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าได้ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวมของปตท. นอกจากนี้ในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่ายรวมของปตท. เกือบร้อยละ 75 ของการผลิตเป็นการผลิตก๊าซธรรมชาติซึ่งจำหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่

อีกประการหนึ่งคือแผนการลงทุนขนาดใหญ่ โดยปตท.มีการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะในแหล่งก๊าซธรรมชาติ ปตท. และบริษัทย่อยหลัก (บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม) มีแผนการลงทุนประมาณสองหมื่นเจ็ดพันล้านเหรียญสหรัฐฯ (809 พันล้านบาท) ในช่วงปี 2556 ถึงปี 2560 โดยการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและปริมาณปิโตรเลียมสำรอง นอกจากนี้ ปตท. มีการเข้าไปซื้อสินทรัพย์และกิจการในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในต่างประเทศเพิ่มมากตั้งแต่ปี 2553

ส่วนปัจจัยลบที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎระเบียบ การแก้ไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติและการปรับค่าผ่านท่อก๊าซที่ทำให้ปตท.เสียประโยชน์ การลงทุน/การเข้าซื้อกิจการจำนวนมากโดยใช้เงินกู้ยืม ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน) (funds flow from operations adjusted net leverage) ที่สูงกว่า 2.25 เท่าอย่างต่อเนื่อง (ณ สิ้นปี 2555 อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวอยู่ที่ 1.5 เท่า)

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของปตท. อ่อนแอลงซึ่งกระทบต่อสถานะทางเครดิตของปตท.โดยลำพัง (Standalone Rating) ฟิทช์จะพิจารณาให้อันดับเครดิตเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิต Standalone ของปตท. เพื่อสะท้อนถึงการสนับสนุนของภาครัฐฯ ต่อปตท. ในทางอ้อม (Implicit Support) ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทใหญ่กับบริษัทย่อย (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ