สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้ามองหาลู่ทางตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกกลาง และอเมริการใต้เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มความต้องการสูง เพื่อเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด นอกเหนือรายได้จากตลาดในประเทศ
“วันที่ 10-14 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้บริหาร FPI ได้เดินทางไปชมงาน Automechanika Dubai 2013 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ที่ยิ่งใหญ่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา เพื่อหาช่องทางในการเปิดตลาดใหม่ๆ และไปเยี่ยมเยียนลูกค้าต่างๆ ในภูมิภาคด้วย ซึ่งปัจจุบันตลาดภูมิภาคตะวันออกกลางถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ FPI โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ และลิเบีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและขยายฐานการตลาดให้กว้างขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราประกาศว่าจะบุกตลาดรถเกาหลี ก็สามารถทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ จนสามารถขยายตลาดไปยังประเทศที่นิยมใช้รถยี่ห้อเกาหลี เช่น ฮุนได และ เกียร์ เป็นต้น" นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวว่า ในปีนี้จะสามารถสร้างรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1,585 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เนื่องจากภายหลังที่บริษัทฯ ได้ติดตั้งเครื่องฉีดกันชนขนาดใหญ่แล้วเสร็จจำนวน 3 เครื่อง พร้อมทั้งปรับปรุงเครื่องจักรเก่าอีก 2 เครื่อง เป็นระบบ SERVO MOTOR โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไต้หวัน เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถผลิตเร็วขึ้นกว่าเดิมประมาณ 40% และสามารถประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงกว่า 40% จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% ทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยลดลงอย่างมาก จะทำให้กำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าที่ผลิตเองเติบโตขึ้นอีก 22.99%
“ในช่วงที่ภาพรวมของตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน นักลงทุนควรตั้งสติ และพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทฯ เป็นหลัก ซึ่งในส่วนของ FPI ในฐานะผู้บริหาร ขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมั่นใจได้ว่า พื้นฐานของบริษัทยังมีความแข็งแกร่ง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่เราวางเอาไว้ โดยเฉพาะผลการดำเนินงานที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในครึ่งปีหลัง จากออร์เดอร์ใหม่ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประสิทธิภาพการผลิตของเราดีขึ้น หลังจากติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นเราเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 20% ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งหุ้น FPI" นายสมพล กล่าว