"การร่วมทุนกับ SV ครั้งนี้เป็นไปตามแผนดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ได้วางกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายฐานสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งมีกำลังซื้อสูง เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ รวมถึงรองรับโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปี 58 คาดจะช่วยขยายฐานด้านการตลาดและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น สู่การเป็น World Class Manufacturing"
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า SV มีจุดเด่นด้านผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่วิสัยทัศน์กว้างไกล มีเครือข่ายพันธมิตรจำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน และผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องความต้องการในช่วงระยะเวลาของการพัฒนา ประกอบกับมีการใช้ภาษาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถสื่อสารและเข้าใจได้ง่าย การร่วมมือจะช่วยเสริมธุรกิจซึ่งกันและกันสู่ความเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว
รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศตามทิศทางการขยายตัวเศรษฐกิจในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ซึ่งนอกเหนือจากการร่วมธุรกิจกับประเทศลาว บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศอื่นในภูมิภาค อาทิ กัมพูชา เวียดนาม และ พม่า เป็นต้น
"TMC ของเราก็มีจุดเด่นจากทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจนี้เป็นเวลานาน รวมถึงทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการตลาด อุตสาหกรรมการผลิต และด้านอื่นๆ ด้วยแบรนด์ที่เป็นของตนเอง ทำให้มีความสามารถเหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะด้านราคาและการบริการ ตลอดถึงความยืดหยุ่นในการผลิตค่อนข้างสูง และจุดแข็งด้านการเงิน"นายสุรเชษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ การผนึกกำลังกับ SV จะช่วยเสริมศักยภาพ และหนุนให้ผลประกอบการในปีนี้เติบโตอย่างโดดเด่นขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/56 จากการส่งมอบงานที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,002 ล้านบาท