สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB155A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.0 ปี, 1.9 ปี และ 8.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 28,738 ล้านบาท หรือคิดเป็น 79% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF138A) มูลค่า 215.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บ้านปู (BANPU195A) มูลค่า 176.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) มูลค่า 83.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 474.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,422 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,675 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -3,711 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.55% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.48% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.12%
Yield Curve ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 5-10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ประมาณ 13-17 bps. ภายหลังประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการลดขนาด QE3 ในช่วงปลายปี 2556 ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงลบ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายพันธบัตร ในทุกช่วงอายุตราสาร ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 3,711 ล้านบาท