ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 14,758.32 จุด ดิ่งลง 353.87 จุด หรือ -2.34% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,588.19 จุด ร่วงลง 40.74 จุด หรือ -2.50% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,364.64 จุด ดิ่งลง 78.56 จุด หรือ -2.28%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากเบอร์นันเก้ได้ออกมาส่งสัญญาณในด้านลบต่อตลาด ด้วยการแถลงต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า เฟดจะเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้
เบอร์นันเก้กล่าวว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้านั้นบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือชะลอกการทำ QE ภายในปีนี้ และหากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ เฟดก็จะยังคงลดขนาดวงเงินซื้อพันธบัตรไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และจะสิ้นสุดโครงการซื้อพันธบัตรประมาณกลางปีหน้า
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้ได้ส่งสัญญาณในด้านลบต่อตลาด แม้ว่าคณะกรรมการเฟดได้ออกแถลงการณ์ย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไป และจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ตาม
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานขั้นต้นในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มิ.ย.เพิ่มขึ้น 18,000 ราย สู่ระดับ 354,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 340,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 334,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2,500 ราย สู่ระดับ 348,250 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงซบเซา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ลดลงแตะระดับ 52.2 จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 52.3
หุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ในกลุ่มเหมืองแร่ ดิ่งลง 6.5% ขณะที่หุ้นคราฟท์ ฟู๊ดส์ และหุ้นเอวอน โพรดัคส์ ร่วงลงกว่า 4.2%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ร่วงลง 3.7% และหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 3.3%
หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.1% และหุ้นออราเคิล ร่วงลง 9.5%