(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าไหลลงต่อตามภูมิภาค นลท.ยังกังวลเฟด-ลุ้นต่างชาติขายต่อหรือไม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 21, 2013 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะกระโดดลงต่อ นักลงทุนยังมีความกังวลในเรื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ในขณะเดียวกันมีการทำ Dollar Carry Trade เนื่องจากในตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้น ตลาดทองคำ รวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีการปรับตัวลงทั้งหมด แสดงถึงการดึงเงินกลับของต่างชาติ

ในขณะเดียวกันมองว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนของต่างชาตินั้น จะยังไม่จบภายในเดือนนี้ เนื่องจากมีเงินเข้ามาจำนวนมากในระยะเวลา 1-2 ปี ที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงที่ต่างชาติเข้ามานั้นราคายังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับปัจจุบัน จึงมองยังมีแนวโน้มที่จะมีการขายทำกำไรออกมาต่อ

ส่วนตลาดภูมิภาคมีการปรับตัวลงทั้งหมด และปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 1% ในทุกตลาด

พร้อมให้กรอบแกว่งไว้ที่ แนวรับ 1,350-1,360 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(20 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,758.32 จุด ลดลง 353.87 จุด(-2.34%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,588.19 จุด ลดลง 40.74 จุด(-2.50%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,364.64 จุด ลดลง 78.57 จุด(-2.28%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 226.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 25.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 412.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 120.07 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 44.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 51.76 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 11.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 15.60 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 0.30 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(20 มิ.ย.)ที่ 1,394.35 จุด ลดลง 43.35 จุด(-3.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,356.25 ล้านบาท เมื่อ 20 มิ.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(20 มิ.ย.)ที่ 95.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.84 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(20 มิ.ย.)ที่ 8.6 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.17/18 อ่อนค่าต่อตามภูมิภาคจากความกังวลเฟดจะชะลอ QE
  • ธปท.เตือนไทยเผชิญภาวะเงินไหลออก จากเฟดยุติคิวอี-ศก.เอเชียชะลอ ส่งผลต้นทุนกู้ยืมภาครัฐ-เอกชนเพิ่มขึ้น แนะธุรกิจเร่งประกันความเสี่ยง จากตลาดผันผวนมากขึ้น ขณะต่างชาติเทขายพันธบัตรต่อเนื่อง ผลตอบแทนเพิ่มทุกช่วงอายุ
  • ตลาดเงินทั่วโลกผันผวน หุ้นพากันร่วงทุบสถิติในรอบปี รับเฟดยุติคิวอีกลางปีนี้ ขณะนักวิเคราะห์คาดผันผวนช่วงสั้น ในช่วงเงินดอลลาร์ไหลกลับสหรัฐ มีเพียงทิศทางค่าดอลลาร์ที่แข็งค่าชัดเจน
  • นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศช่วง 1-2 เดือนนี้ (มิ.ย.-ก.ค.) เริ่มเข้าสู่ภาวะตกต่ำที่สุด หลังจากที่สิ้นสุดโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก 1 แสนบาทของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงเดือนดังกล่าวไม่มีการจัดงานแสดงรถยนต์ หรืองานอีเวนต์ใหญ่เลย
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ได้ปรับลดตัวเลขประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาจากเดิม 5% เหลือแค่ 4.2% เนื่องจากประเมินว่าแรงส่งเศรษฐกิจไทยกำลังแผ่วลงต่อเนื่องโดยอานิสงส์จากนโยบายภาครัฐที่ได้ดำเนินการมาแล้วพักใหญ่ อาทิ นโยบายคืนภาษีรถคันแรก กำลังอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว
  • นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าการส่งสัญญาณถอนมาตรการอัดฉีดเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐจะส่งผลให้ธุรกิจไทยบางส่วนที่มีแผนจะออกไปลงทุนในต่างประเทศอาจชะลอการตัดสินใจออกไป เนื่องจากจะมีต้นทุนทางการเงินในการกู้เงินเหรียญสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น และผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์ในต่างประเทศแพงขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CHG(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 10.30 บาท ชอบปัจจัยพื้นฐานของ CHG จากจุดเด่นทำเลที่ตั้ง, ความชำนาญรักษาโรคเฉพาะทางทาง และโครงสร้างรายได้กระจายตัวครอบคลุมลูกค้าเงินสดและโครงการรัฐฯ คาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโต 17% นอกจากนี้บริษัทยังมีฐานะการเงินที่ดีและเป็น Net Cash ทำให้พร้อมต่อการลงทุนรองรับการเติบโตทั้ง Organic และ In organic ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 56 ที่ 20 เท่า มีส่วนลด 17% จาก PE เฉลี่ยที่ 24.1 เท่าของ 4 โรงพยาบาลที่ศึกษา
  • LH(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 15.30 บาท ช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีปัจจัยบวกทั้งจากการเปิดโครงการใหม่ และ การรับรู้รายได้ที่สูงกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งบริษัทยังมีแผนนำอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่ามาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ มูลค่ารวม 9.9 พันล้านบาท ทำให้มีกำไรจากการขายและเพิ่มสภาพคล่อง รวมทั้งยังมีผลกำไรที่เกิดจากการลงทุนในบริษัทร่วม (LHBank QH HMPRO) ที่ให้ผลตอบแทนที่เติบโตดี LH ถือว่าเป็นบริษัทที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โดยในปีนี้เราว่าบริษัทจะจ่ายได้ 53 สตางค์ต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5%
  • THAI(กสิกรไทย)แนะนำให้เป้าระยะสั้น 26.50-28.00 บาท ขายเมื่อหลุด 24 บาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 28% ใน 2 สัปดาห์ จนกลับมาอยู่ที่เพียง 0.71x PBV ทำให้น่าสนใจอีกครั้ง และ 2Q56 เป็น low season ที่ตลาดรับรู้แล้ว, ตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการจาก cabin factor ที่เพิ่มและราคาน้ำมันที่ทรง-ลง รวมทั้งปี 2556-2557 เป็นปีทองของอุตสาหกรรมสายการบินโลก และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
  • DELTA(โกลเบล็ก)"ซื้อเก็งกำไร"ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าคาดหนุนยอดขายและส่งออกเพิ่มขึ้น และราคาขายที่เพิ่มขึ้นยังหนุนให้กำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยปีนี้ผู้บริหารคาดรายได้รวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ