สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB193A (รุ่นอายุ 1.9 ปี, 4.0 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,614 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) มูลค่า 324.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF185A) มูลค่า 299.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF163A) มูลค่า 227.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 851.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,946 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,245 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -7,642 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.55% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.54% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.06%
Yield Curve ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 4-5 bps. จากแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ภายหลังประธาน Fed ส่งสัญญาณการลดขนาดมาตรการ QE3 ของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายพันธบัตร ในทุกช่วงอายุตราสาร ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 7,642 ล้านบาท