"การร่วมกิจการในครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือกันในหลายๆด้าน ซึ่งทาง UAC จะเข้าไปส่งเสริม HYDRO ให้มีศักยภาพทางด้านผู้รับเหมาได้มากขึ้น ในด้านของการตลาด การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเพิ่มผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงการสนับสนุนทางด้านการเงิน ในขณะเดียวกันถึงลูกค้าและการขยายฐานลูกค้าไปในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของ UAC อยู่แล้วจะทำให้ HYDRO ได้ประโยชน์ในการรับงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่มีแนวโน้มความต้องการสูงในบริการด้านสาธารณูปโภคทั้งที่เกี่ยวกับน้ำสะอาดและการบำบัดน้ำเสีย" นายกิตติ กล่าว
ในขณะเดียวกัน HYDRO ก็จะมีงานเพิ่มขึ้นจากโครงการของ UAC ในส่วนของโรงงานไบโอก๊าซ ที่จะต้องมีโครงการน้ำเป็นส่วนต่อขยายจากโครงการ ไบโอก๊าซอยู่แล้ว
“การที่เราร่วมมือกัน ทาง HYDRO เองก็จะได้รับงานของ โรงไบโอก๊าซด้วย ก็จะทำให้ HYDRO มีงานเพิ่มด้วย ในส่วนของ UAC ก็จะสามารถมีต้นทุนที่ปรับตัวลดลลงด้วย" นายกิตติกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ UAC เองก็จะได้รับประโยชน์จากการที่ HYDRO มีธุรกิจที่แตกต่างกัน จะลดการพึ่งพาเฉพาะรายได้ที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยจะเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น โดยจะสามารถรับรู้รายได้ประจำจากการรับบริหารน้ำระยะยาวเพิ่มขึ้น จะทำให้ UAC มีรายได้ประจำเข้ามา
นายกิตติ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เพื่อจะลงทุนในโครงการที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าโครงการละ 500 ล้านบาท อีก 2-3 โครงการซึ่งจะรู้ผลในไตรมาส 3/56 และหากการตกลงสำเร็จคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี
“ปัจจุบันเรายังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นโครงการอะไร เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจา แต่เราเจรจาอยู่ 2-3 โครงการ และมูลค่าแต่ละโครงการมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งถ้าเราได้ข้อสรุปในไตรมาส 3 แล้ว จะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอีก 1-2 ปี" นายกิตติ กล่าว