สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 1.9 ปี, 4.0 ปี และ 6.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,852 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL163A) มูลค่า 301.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL14OA) มูลค่า 202.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 196.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 701.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,133 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,319 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -949 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ตามทิศทางของ US Treasury โดยวันนี้โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่าจะยังคงไม่มีการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม ส่งผลเชิงลบต่อ Market Sentiment โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 949 ล้านบาท