ทั้งนี้ บริษัทจะนำเสนอแผนเข้าซื้อกิจการ"ปิยะชาติ"เข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/56 ในวันที่ 9 ส.ค.56 หากได้รับมติอนุมัติ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทันทีบางส่วน เนื่องจากปัจจุบันได้มีโครงการที่เริ่มก่อสร้างและดำเนินการใกล้เสร็จแล้ว แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้รายได้ดังกล่าวอาจจะเข้ามาในจำนวนที่ไม่มากนัก แต่จะเริ่มเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป จากโครงการที่พร้อมจะพัฒนาต่อ เช่น โครงการพัฒนาที่ดินเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) บริเวณริมถนนรัชดาภิเษก
นายพุทธชาติ กล่าวว่า สำหรับรายได้ที่บริษัทคาดว่าจะรับรู้จาก"ปิยะชาติ"จำนวน 500 ล้านบาทภายใน 3 ปีนั้น เป็นเพียงส่วนที่มาจากโครงการเดิมที่มีการพัฒนาอยู่แล้ว ซึ่งหากผ่านมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น แล้วเข้าทำการเทคโอเวอร์สำเร็จจะมีการแถลงแนวทางการดำเนินธุรกิจร่วมกันอีกครั้ง
“รายได้ที่จะมีในปิยะชาติ 500 ล้านบาทใน 3 ปีนั้นเป็นแค่โครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเข้าเทคโอเวอร์สำเร็จก็เราจะแถลงแผนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยังมีอีกหลายๆ โครงการที่เรามองหาในการพัฒนาในอนาคตเพื่อให้บริษัทมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจะมีรายได้เข้ามาใน TWZ อย่างมีนัยสำคัญในปี 57 " นายพุทธชาติ กล่าว
นายพุทธชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ TWZ ในปีนี้คาดว่าจะยังคงรักษาระดับรายได้ไว้ที่ราว 3 พันล้านบาท ส่วนเปิดตัวบริการโทรศัพท์ในระบบ 3G บนคลื่นใหม่แม้ว่าจะทำให้มีการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยขึ้น รวมถึงราคาเฉลี่ยในการซื้อต่อหน่วยเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าคงจะส่งผลต่อรายได้ในอนาคต เพราะในปัจจุบันนั้นการเปิดใช้ 3G ยังไม่เป็นทางการมากนัก คาดว่าช่วงปลายปี 56 น่าจะเปิดใช้ 3G อย่างเต็มรูปแบบ จึงน่าจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างชัดเจนขึ้น
“หลังจากที่มีการเปิดตัว 3G การเปลี่ยนมือถือก็บ่อยขึ้น ราคาที่ซื้อมือถือต่อเครื่องก็แพงขึ้นตาม เราจึงมองว่ารายได้ของเราจะเติบโตขึ้นด้วยแต่จะเติบโตอย่างชัดเจนกลังจากมีการเปิด 3G อย่างเป็นทางการแล้วในช่วงปลายปี 56 แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่ายว่าจะมีการสนับสนุนการขายของเรายังไง ซึ่งเราก็ยังจะเป็นจะเป็นผู้ร่วมให้บริการกับ AIS" นายพุทธชาติ กล่าว