สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB21DA และ LB176A (รุ่นอายุ 1.9 ปี, 8.5 ปี และ 4.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,287 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK144A) มูลค่า 244.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP13OA) มูลค่า 203.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK142A) มูลค่า 199.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 648.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 18,791 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,395 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -4,537 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-8 bps. โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 10 ปี ลดลง 8 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มคลายความกังวลกับวิกฤตสภาพคล่องของประเทศจีน สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 4,537 ล้านบาท