เมื่อเวลา 14.33 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,414.65 จุด เพิ่มขึ้น 30.02 จุด (+2.17%)
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปกว่า 2% นั้นมาจากการที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับตัวลดลงมากเกินไป ในขณะเดียวกันนักลงทุนมีการประเมินถึงสถานการณ์ในจีนเลวร้ายเกินไป ซึ่งนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ในประเทศจีนจะเลวร้ายเหมือนกับสถานการณ์ซับไพรม์ ในสหรัฐฯ แต่จริงๆแล้วมีความแตกต่างกันเนื่องจากสถานการณ์ของจีนในครั้งนี้ถึงแม้จะมีการขาดสภาพคล่อง แต่เกิดจากทางการจีนต้องการที่จะตรวจสอบ ทุจริตคอร์รัปชั่น และการปล่อยกู้ที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ได้หมายถึงจีนขาดสภาพคล่อง เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลจีนมีเงินทุนสำรองอยู่ประมาณ 3 ล้านล้านหยวน ซึ่งมากเพียงพอ ถึงแม้ว่าหลังจากการตรวจสอบแล้ว ธนาคารพาณิชย์ จะมีหนี้เสีย (NPL) รัฐบาลจีนก็สามารถเพิ่มเงินทุนให้แก่ธนาคารเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นปัญหาการขาดสภาพคล่องที่ผ่านมาเกิดจากทางการจีน หยุดปล่อยเงินกู้เพื่อการตรวจสอบธุรกรรม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามอาจจะมีผลกระทบต่อตัวเลขการเติบโตของจีนได้
ในระยะสั้น มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลงไปมากทำให้มีการปรับตัวขึ้นมาได้ แต่ในระยะกลางตลาดยังมีความเสี่ยงจากเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีการชะลอตัว ซึ่งจะมากระทบต่อประเทศคู่ค้าในภูมิภาค
โดยแนะนำว่า สำหรับผู้ที่เสี่ยงเก็งกำไรไว้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,440-1,460 จุด เป็นระดับที่ควรมีการแบ่งขายทำกำไรออกมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.01 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,417 จุด เพิ่มขึ้น 32.70 จุด (+2.36%)