สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB27DA และ LB196A (รุ่นอายุ 1.9 ปี, 14.5 ปี และ 6.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,505 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN171A) มูลค่า 150.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (A164A) มูลค่า 100.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP13OA) มูลค่า 65.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 316.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,173 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,102 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -386 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในพันธบัตรอายุ 10 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 bp. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศออกมาซึ่งอาจมีผลต่อ Global Sentiment สำหรับนักลงทุนต่างชาติ เข้าซื้อสุทธิในพันธบัตรระยะสั้น และมีแรงขายในพันธบัตรรุ่นอายุ 1-3 ปี ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 386 ล้านบาท