อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากต่างชาติขายสิทธิไปแล้วกว่า 8.7 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันมีกองทุนในประเทศเข้ามาซื้อกว่า 7 หมื่นล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าซื้อที่มีจังหวะในการลงทุนได้ดีขึ้น อีกทั้ง คาดว่าเงินทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากประเทศไทยยังเดินหน้าลงทุนในโครงการต่างๆ ประกอบกับ พื้นฐานเศรษฐกิจยังเข็งแกร่ง และมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนในช่วงนี้มองว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวน แต่หลังจากนี้น่าจะนิ่งขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงของการปรับพอร์ตการลงทุนไปแล้ว แม้ว่าอาจจะมีการเหวี่ยงตัวสวิงได้บ้างเป็นบางช่วง แต่จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังอยู่จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,350-1,500 จุด ซึ่งที่ระดับนี้จะมีค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า โดยคาดว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีจะเป็นไปในลักษณะ Sideway
ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปมีทิศทางที่เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศอาจมีการชะลอตัวลงบ้าง หลังจากหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้อาจมีการปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)ของไทยในปีนี้ลดลงบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของไทยที่มีพื้นฐานดี และยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นายเผดิมภพ แนะนำว่า นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยการเข้าซื้อหุ้นนั้นควรเน้นหุ้นที่มีมูลค่า P/E เฉลี่ย 12% โดยเฉพาะกลุ่มอุปโภคบริโภคภายในประเทศที่ยังมองว่าจะกลับมามีการเติบโตได้อีกครั้ง แม้ว่าในปัจจุบันผลสำรวจจะออกมาว่าการบริโภคภายในประเทศมีการปรับตัวลดลงก็ตาม
นอกจากนั้น จากที่มองว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัว และมีแนวโน้มการลงทุนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จึงคาดว่าในช่วงต้นปี 57 จะได้เห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดใหม่เหนือ 1,700 จุดได้