ILINK-W1 ปิดเทรดวันแรกที่ 4.62 บาท มูลค่าซื้อขาย 83.71 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.54 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.00 บาท และราคาลงต่ำสุด 2.80 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น ILINK ปิดตลาดที่ 17.90 บาท ลดลง 1.60 บาท(-8.21%)มูลค่าซื้อขาย 109.93 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 19 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 19 บาท และราคาลงต่ำสุด 17.70 บาท
นอกจากนี้ ยังพบรายการบิ๊กล็อตหุ้น ILINK 2 รายการ จำนวน 1,208,200 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 21.90 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 18.13 บาท
และบิ๊กล็อต ILINK-W1 จำนวน 4,104,100 หน่วย 5 รายการ มูลค่าซื้อขาย 14.04 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 3.42 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเหมาะสมของ ILINK-W1 คาดว่า All-in Premium ควรอยู่ที่ 33% จาก (1) ราคาใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่สูงกว่าราคาหุ้นแม่อยู่เล็กน้อย, ความผันผวนของ ILINK ที่ค่อนข้างสูง โดยมีค่า Volatility 48.9% และอายุใบสำคัญแสดงสิทธิที่ 3 ปี จากราคาหุ้นแม่ที่ 19.5 บาท (26 มิ.ย.) ประเมินมูลค่า ILINK-W1 ได้ที่ 5.94 บาท/หน่วย คิดเป็น All-in Premium 33% อนึ่งนักลงทุนควรระวังเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย เนื่องจากจำนวนวอแรนท์ที่ออกมีเพียง 15 ล้านหน่วย พร้อมให้กรอบมูลค่าของ ILINK-W1 ไว้ที่ 4.18-6.90 บาท เมื่อราคาหุ้น ILINK เคลื่อนไหวในกรอบ 16.50-21.50 บาท
ILINK เป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าอุปกรณ์ระบบข่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการรับเหมาออกแบบและติดตั้งระบบสายสัญญาณ และระบบเครือข่าย (Networking System) สำหรับคอมพิวเตอร์และสื่อสารโทรคมนาคม โดยปัจจุบัน ILINK กำลังอยู่ระหว่างการลุ้นงานประมูลวางระบบสายเคเบิ้ลใต้น้ำระยะทาง 50 ก.ม. ที่เกาะกูดและเกาะหมาก มูลค่า 1,250 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารมีความมั่นใจ 90% ว่าจะชนะประมูล ทั้งนี้ผู้บริหารวางเป้ารายได้เติบโต 30% เป็น 1,950 ล้านบาทในปีนี้ รวมถึงแนวโน้มงานด้าน Fiber Optic ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตจากการพัฒนาโครงสร้างด้านการสื่อสาร โดยผลประกอบการมีกำไรต่อเนื่องและเงินปันผลประมาณ 4%
ILINK-W1 จำนวนที่ออก 15 ล้านหน่วย จัดสรรแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล โดย 2 หุ้นปันผล ได้รับ 1 วอแรนท์ ฟรี และจัดสรรให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 20 ล้านหุ้น @ 19.75 บาทในอัตราส่วน 2 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 วอแรนท์ โดยมีอัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 20 บาท, อายุ 3 ปี กำหนดให้ใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน มี.ค., มิ.ย., ก.ย. และ ธ.ค. (ใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 30 ก.ย. 56 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 23 มิ.ย. 59 ซึ่งเป็นวันหมดอายุ)