(เพิ่มเติม) AOTคาดงวดปี 56 ผู้โดยสารโต 19%เที่ยวบินโต 14.5%,ศึกษาระดมทุน 1.7หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 27, 2013 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) หรือ ทอท. คาดว่าสิ้นงวดปี 56 (เดือน ก.ย.56) ทอท.จะมีผู้โดยสารถึงประมาณ 85 ล้านคน และเที่ยวบินกว่า 550,000 เที่ยวบิน เมื่อเทียบกับงวดปี 55 จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 13.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราเติบโต 19% และเที่ยวบินเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000 เที่ยวบิน หรือเติบโต 14.5%

ทั้งนี้ ในรอบ 8 เดือนของงวดปี 56 (ต.ค.55-พ.ค.56) มีจำนวนผู้โดยสารรวม 57.9 ล้านคน ปริมาณเที่ยวบินขึ้นลงรวม 370,520 เที่ยวบิน เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกับปีก่อน ผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 21.4% และ 15.9% ตามลำดับ ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 34.3 ล้านคน

อนึ่ง AOT ให้บริหารท่าอากาศยาน 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง หาดใหญ่ ถูเก็ต เขียงใหม่ และ เชียงราย

น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานกรรมการ AOT คาดว่า กำไรและรายได้ในงวดครึ่งปีหลัง(เม.ย.-ก.ย.56)จะเติบโตในอัตราใกล้เคียงงวดครึ่งปีแรก (ต.ค.55-มี.ค.56) ที่มี่รายได้ 1.84 หมื่นล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันขอวปีก่อน 22.9% และใรกำไรสุทธิ 7.94 พันล้านบาท เติบโต 86.7% แม้จะเป็นโลว์ซีซั่น และบริษัทมั่นใจว่าจะไม่เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ 82% และเป็นอัตราที่ดีคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งมีปัจจัยบวกหลักจากการท่องเที่ยวของไทยเติบโตสูงในปีนี้

ขณะเดียวกัน คาดว่าปลายปี 56 หรือไตรมาสแรกงวดปี 57 บริษัทจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน(PSC)ได้ โดยเที่ยวบินในประเทศจะปรับขึ้นมาจาก 100 บาท/ราย เป็น 150 บาท/ราย และเที่ยวบินต่างประเทศ ปรับขึ้นเป็น 800 บาท/ราย จาก 700 บาท/ราย ซึ่งจะทำให้บริษัทคาดว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านบาท แม้ว่าขณะนี้การขอปรับราคายังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงคมนาคมมาระยะหนึ่งแล้ว แต่บริษัทก็จะเร่งติดตามเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว

นอกจากนี้ ในเดือน ก.ค.คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณางบลงทุนสร้างรันเวย์สำรองในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 2,900 เมตร โดยบริษัทสามารถก่อสร้างได้โดยไม่จำเป็นต้องทำ EIA แต่ก็จะต้องทำ EIA ในการสร้างเพิ่มอีก 1,000 เมตร และเพิ่มงบลงทุนอีก 4 พันล้านบาทเพื่อจะพัฒนาเป็นรันเวย์ที่ 3 ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

น.ต.ศิธา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. เมื่อวานนี้ได้อนุมัติวงเงินประมาณ 3 พันล้านบาท เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 อาคาร South Corridor อาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 5 และ อาคารจอดรถยนต์ 7 ชั้น ของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในปี 57 เพื่อทำให้ดอนเมืองรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 18.5 ล้านคนต่อปี

ขณะที่ท่าอากาศยานภูเก็ตที่มีสภาพคับคั่งอย่างมาก แม้ว่าอยู่ระหว่างการก่อสร้างการขยายศักยภาพในการองรับผู้โดยสารจาก 6.5 ล้านคนเป็น 12.5 ล้านคน ด้วยงบ 5.7 พันล้านบาทและขยายหลุมจอดจาก15 หลุมจอดเป็น 21 หลุมจอด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 58 แต่เนื่องจากปัจจุบันสภาพหนาแน่นมากจากมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าสิ้นงบปี 56 จะมีเพิ่มเป็น 10.5 ล้านคน ที่ผ่านมา ทอท.เสียโอกาสที่ได้ปฏิเสธผู้โดยสารประมาณ 30%ของผู้โดยสารที่เข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่บินเครื่องเช่าเหมาลำ

ดังนั้น ทอท. จึงจะสร้างอาคารผู้โดยสารชั่วคราวที่เป็นลักษณะเปิดบนพื้นที่ 4 ไร่ รองรับผู้โดยสารได้ 4-5 ล้านคน/ปี และขยายหลุมจอดเพิ่มอีก 5 หลุม ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท โดยเร่งเสร็จในปลายปีนี้หรือใช้เวลาก่อสร้าง 4 เดือน และเมื่อก่อสร้างหมดจะรองรับได้ถึง 18-20 ล้านคน

ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ขณะนี้ มีจำนวนผู้โดยสารปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 53 ล้านคน ใกล้เคียงช่วงก่อนที่เปิดใช้ท่าอาศยานดอนเมือง เพียงเวลาแค่ 2 เดือนจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้ งบการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 จำนวน 6.2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนที่บริษัทจะดำเนินการระดมทุนอีก 1.7 -2.0 หมื่นล้านบาทที่จะจ่ายเป็นงวดสุดท้าย โดยใช้เงินในปี 59-60 ขณะนี้บริษัทศึกษาแนวทางที่จะระดมทุน ทั้งการออกหุ้นกู้ การกู้เงินจากสถาบันการเงิน และการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน จากปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด 3.8 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี คาดว่ากระแสเงินจากการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรดีกว่าปีก่อน น่าจะมีเงินทุนเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน

นอกจากนี้ บริษัทได้ดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 1.2 พันล้านบาท คาดว่าจะได้รับจากกรมสรรพากรในเดือน ก.ค.แต่จะบันทึกในงบดุลเป็นรูปเงินสด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ