(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีปรับตัวขึ้นต่อได้ดี คลายความกังวล QE ย้ายเงินทุนมาในหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 28, 2013 09:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้น
ไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาแรง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาดูที่มูลค่าของ
ตลาดมากกว่า ในขณะเดียวกันหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ดีมากนักทำให้ ผลตอบแทนจากพันธบัตรจะมีการเหวี่ยงตัว
ลง หลังจากมีการคาดการว่ามาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) สหรัฐ จะไม่ชะลอหรือหยุดในระยะเวลาอันใหล้นี้ รวมถึงราคาทองที่มีการปรับตัวลดลง จะทำให้เม็ดเงินดังกล่าวที่ออกมานั้นจะเคลื่อนย้ายมาอยู่ในตลาดหุ้นมากขึ้น

ตลาดภูมิภาคเช้านี้ปรับตัวขึ้นโดยส่วนใหญ่

พร้อมให้กรอบแกว่งไว้ที่ แนวรับ 1,430 จุด และแนวต้าน 1,475 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(27 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,024.49 จุด เพิ่มขึ้น 114.35 จุด(+0.77%) ดัชนีเอส
แอนด์พี 500 ปิดที่ 1,613.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.94 จุด(+0.62%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,401.86 จุด เพิ่มขึ้น 25.64 จุด
(+0.76%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 170.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาด
หุ้นจีน เพิ่มขึ้น 14.49 จุด,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 156.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.64 จุด,
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 25.15 จุด, ดัชนี PSE
Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 59.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.89 จุด และดัชนี S&P/ASX
200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 1.10 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(27 มิ.ย.)ที่ 1,446.45 จุด เพิ่มขึ้น 22.07 จุด(+1.55%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,600.50 ล้านบาท เมื่อ 27 มิ.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำวานนี้(27 มิ.ย.)ที่ 97.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับ
ขึ้น 1.55 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(27 มิ.ย.)ที่ 8.4 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.14/16 จับตา Flow สิ้นเดือน
  • คลังถอดใจปรับลดจีดีพีจาก 5.3% เหลือ 4.5% เหตุส่งออกเข็นไม่ขึ้น ทั้งปีคาดขยายตัวได้ 5.5% เหตุเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัวลง ประกอบกับรายได้ครัวเรือนลดลงฉุดกำลังซื้อในประเทศ หวังพึ่งใช้จ่ายภาครัฐเล็งอัดมาตรการช่วยกระตุ้นปลายปี ด้านแบงก์ชาติเตรียมลดเป้าส่งออก
  • ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยข้อมูลเบื้องต้นของการส่งออกในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา อาจเติบโตได้ต่ำกว่าที่ ธปท.เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ว่า มูลค่าการส่งออกปีนี้ทั้งปีในรูปเงินเหรียญสหรัฐโตที่ 7.5% ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เติบโตสูงกว่า 2% เล็กน้อยเท่านั้น
  • อุตสาหกรรมโวมูลค่าส่งออกรถยนต์ 5 เดือนโต 42% รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าช่วง พ.ค.2556 มั่นใจอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมเติบโตต่อเนื่องทั้งปี เผยตลาดใหญ่ แอฟริกา โอเชียเนียและยุโรป พร้อมระบุตลาดตะวันออกกลางมียอดส่งออกติดลบ 5% ด้านคณะฯ กลั่นกรองอนุมัติ รง.4 ให้ 3 โรงงาน มูลค่าลงทุนกว่า 2,300 ล้าน
  • ศาลปกครองพิพากษาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ให้รัฐบาลจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึงก่อนจะเซ็นสัญญาจ้างเอกชนออกแบบและก่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ในแต่ละโมดูล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรคสองและมาตรา 67 วรรคสอง
  • นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เผยตลาดหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วประเมินสิ้นปีที่ระดับ 1,400-1,500 จุด ชี้กองทุนช้อนหุ้น 7 หมื่นล้าน สะท้อนการจับจังหวะลงทุนของนักลงทุนไทยดีขึ้น คาดครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดหุ้นจะรีบาวนด์กลับ เชื่อฝรั่งยังอยากเข้าลงทุนหุ้นไทยเพราะมีพื้นฐานดี ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯคาดงาน SET-TFEX Online Investor Fair 2013 คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 6,000 คน และมีบัญชีใหม่ที่เปิดในงานนี้ประมาณ 2,000 บัญชีระบุครึ่งปีแรกยอดบัญชีออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 90,316 บัญชี จากเป้าหมายทั้งปี 120,000 บัญชี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • NUSA-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ณุศาศิริ(NUSA)เข้าเทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 494,701,396 หน่วย กำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 31 พ.ค.2556 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดใช้สิทธิครั้งแรก 29 พ.ย. 2556 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 พ.ค. 2559
  • KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 30 บาท ประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารจะกลับมามี Sentiment เชิงบวกได้ในช่วงสั้น หลังต่างชาติรายงานซื้อสุทธิวานนี้สูงถึง 5.5 พันล้านบาท และยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2556 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต +53.3% yoy เป็น 3.6 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ด้านราคาหุ้นมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก และจะเข้าสู่การ Preview ผลประกอบการ 2Q56 ในสัปดาห์หน้า และเชื่อว่าการปรับตัวลงของราคาหุ้นได้สะท้อนความเสี่ยงที่อาจต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นใน 2Q56 แล้ว รวมทั้งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี(จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
  • BEC (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 73.20 บาท ความผันผวนของภาวะตลาดเป็นโอกาสเข้าลงทุน มองเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง โดยคาดผลประกอบการงวด 2Q56 จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการใช้งบโฆษณา และรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ชม ขณะมองว่าทีวีดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงของ BEC
  • CK (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 34.50 บาท ราคาหุ้นในระยะสั้นมีประเด็นหนุนจากการถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ที่จะมีผลตั้งแต่ 2 ก.ค.56 เป็นต้นไป ขณะที่ตั้งแต่ประกาศวันที่ 17 มิ.ย.56 ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแล้ว 11.6% เทียบกับ GLOBAL และ CENTEL ที่เข้าคำนวณเช่นเดียวกันราคาลงเพียง 5.0% และ 2.9% ตามลำดับ นอกจากนี้ในการดีดตัวขึ้นของราคาพบว่า GLOBAL และ CENTEL ในสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 7% และ 10% WTD ตามลำดับ เทียบกับ CK ที่ยังไม่ปรับตัวขึ้นเลย
  • AOT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อเก็งกำไร"เม.ย.-พ.ค.จำนวนเที่ยวบิน-ผู้โดยสารยังโตโดดเด่น 15.5% Y-Y และ 18.1% Y-Y ตามลำดับ ส่งผลคาดกำไรปกติ 3Q13(เม.ย.-มิ.ย.13)ที่ 2.1-2.5 พันล้านบาท โต 20-44% Y-Y แต่ลดลง 35-23% Q-Q ตามฤดูกาล และกำไรปกติปี 2013 (ต.ค.12-ก.ย.13)ที่ 9.4 พันล้านบาท +84% Y-Y ด้านการขอปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินคาดได้รับอนุมัติราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า หากปรับขึ้นจะทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น 12 บาท จาก 167 บาท
  • TTA (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 24 บาท ผลดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีแนวโน้มค่อยๆฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q13(เม.ย.-มิ.ย 2013)มีลุ้นเริ่มพลิกเป็นกำไรจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 257 ล้านบาท โดยมีเมอร์เมดเป็นตัวผลักดันหลัก ขณะที่ธุรกิจเรือเทกองคาดว่าจะขาดทุนลดลง ยังคงประเมินกำไรสุทธิปีนี้ที่ 157 ล้านบาท ดีขึ้นจากปี 2012 ที่ขาดทุน 4,619 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิปี 2014 โตถึง 365% เป็น 731 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ