ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 114.89 จุด วิตกศก.สหรัฐ,เฟดลด QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday June 29, 2013 06:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปหรือไม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่ของเฟดได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนการปรับลดขนาด QE

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงปิดวันทำการล่าสุดที่ 14,909.60 จุด ร่วงลง 114.89 จุด หรือ -0.76% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,606.28 จุด ลดลง 6.92 จุด หรือ -0.43% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,403.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.38 จุด หรือ +0.04%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนมิ.ย.ยืนอยู่ที่ระดับ 84.1 ซึ่งน้อยกว่าเดือนพ.ค.และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 83

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตในเขตชิคาโก้เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 51.6 ในเดือนมิ.ย. ลดลงจากระดับ 58.7 ของเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจเรมี สเตน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดกล่าวว่า เฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการ QE ในการประชุมเดือนก.ย. ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกได้ออกมาสนับสนุนการปรับลดขนาด QE เช่นกัน

การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายคนที่ออกมาส่งสัญญาณในด้านบวกต่อตลาดก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน และเฟดสามารถรอคอยเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้แม้ว่าอัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5% นอกจากนี้ เขากล่าวว่าการซื้อสินทรัพย์ของเฟดจะยังคงมีอัตราสูงขึ้นเป็นระยะเวลานาน หากภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานมีการขยายตัวน้อยกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้

ขณะที่นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้าก็ออกมาขานรับความเห็นของนายดัดลีย์ ด้านนายนายเจโรม โพเวลล์ เจ้าหน้าที่เฟดอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ตลาดมีปฏิกริยามากเกินไปต่อการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดขนาด QE

หุ้นแอคเซนเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ร่วงลง 10% หลังจากบริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้จะอยู่ที่ 6.7-7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.36 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นไอบีเอ็ม ร่วงลง 2.3% ส่วนหุ้นแบล็คเบอร์รี ร่วงลง 28%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ