สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB15DA (รุ่นอายุ 1.9 ปี, 4.0 ปี และ 2.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 20,912 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL159A) มูลค่า 108.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS13NA) มูลค่า 80.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC16NA) มูลค่า 67.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 256.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,234 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,105 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,603 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.43% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.04%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-8 bps โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 10 ปี ปรับลดลง 8 bps ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุน ภายหลัง Yield มีการปรับขึ้นมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศออกมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 2,603 ล้านบาท