ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างในปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มียอดทั้งหมด 4 หมื่นกว่าล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้พอร์ตสินเชื่อคงค้างเติบโตขึ้นมาที่กว่า 5 หมื่นล้านบาทแล้ว
นายคอนโดะ กล่าวว่า แม้จะเกิดความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือน แต่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ของบริษัทยังทรงตัวอยู่ในระดับ 2-3% และยังมีไม่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และภาพรวมสถานการณ์การใช้จ่ายผ่านบัตรยังอยู่ในระดับที่ดี รวมทั้งไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลงจากโครงการรถคันแรก
ขณะนี้บริษัทมีลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรที่เป็นลูกค้าต่างจังหวัด สัดส่วน 52% และในกรุงเทพ 48% ซึ่งประกอบด้วยลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ ฐานลูกค้าผ่อนชำระสินค้าที่มีเงินเดือน 5,000 บาท/เดือน อีกกลุ่มเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งมีรายได้ดีขึ้นหลังได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และค่าจ้างปริญญาตรี ทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทเริ่มขยายธุรกิจเข้าไปในกัมพูชา โดยเริ่มจากสินเชื่อเช่าซื้อ และการผ่อนชำระสินค้า แต่ยังไม่สามารถเปิดให้ทำบัตรเครดิต เพราะยังติดกฎระเบียบของทางการ แต่หากมีการแก้ไขปัญหาเรื่องกฎระเบียบเรียบร้อยแล้ว บริษัทก็พร้อมดำเนินการทันที