CIMBT มองสหรัฐยังยากชะลอ QE เตือนจับตาศก.จีนมีผลมากกว่า, คาดกนง.ลดอาร์/พี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 3, 2013 17:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เครือ CIMBT แนะนักลงทุนอย่ายื่นตระหนกกรณีการชะลอ QE มองเป็นไปยากที่เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฟื้นตัวได้ และเชื่อว่าเฟดจะชะลอการหยุดมาตรการ QE ออกไปจากปีนี้และปีหน้า มองทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,550 จุด แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ เศรษฐกิจจีน เพราะหากชะลอตัวจะส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทย และอาจกดดันตลาดหุ้นให้ปรับตัวลดลงแรงในครึ่งปีหลัง ขณะที่มีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวในการสัมมนา"ทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนเป็นอย่างไร เมื่อ FED ลด QE"ว่า นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่สามารถลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ภายในปีนี้ และหยุดใช้ได้ในสิ้นปี 57 ตามที่เคยระบุไว้ เพราะเป็นไปได้ยากที่เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวได้ถึง 2.6% ในปี 56 และ 3-3.5% ในปี 57

ในขณะเดียวกัน มองว่าตลาดเงินและตลาดหุ้นมีการตอบสนองต่อข่าวปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) สหรัฐ มากเกินไป

แต่ประเด็นที่น่ากังวลมากกว่า คือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 7-7.5% ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากที่สุด เพราะหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน โดยจะสร้างความผันผวนต่อการไหลของเงิน ทำให้มีเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเอเซีย และกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงในครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจจีนจะเป็นแรงกดดันทำให้การส่งออกไทยเติบโตในอัตราที่ต่ำลง โดยคาดว่าในปีนี้การส่งออกจะขยายตัวเพียง 5%

ขณะที่การบริโภคในประเทศก็คาดว่าจะขยายตัวน้อยเช่นกัน เนื่องจากรายได้เกษตรกรลดต่ำลง กำลังซื้อถูกดึงไปผ่อนชำระรถยนต์คันแรก และยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกันโครงการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทที่ต้องเลื่อนออกไป ดังนั้นอาจมีผลกระทบทำให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดังนั้น สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จึงปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้เหลือโตเพียง 4-4.5% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.5-5% ทำให้เชื่อว่าทางการต้องดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ดังนั้นคาดว่า กนง.มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25-0.50% ภายในปีนี้ เพื่อดูแลการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่เงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ที่ 2.3-2.4% แต่ในระยะอีก 2 ปี อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นขาขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ด้านนายเกียรติก้อง เดโช หัวหน้าฝ่ายวิจัยรายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,550 จุด โดยตลาดยังรอตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐคือตัวเลขการว่างงาน และการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ตลาดหุ้นก็มีโอกาสจะฟื้นตัวแรง เพราะเชื่อว่าจะยังมีเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ และตลาดหุ้นไทย เนื่องจากคาดว่าเฟดจะชะลอการหยุดมาตรการ QE ออกไป

ประกอบกับ ในช่วงนี้ยังมีการเก็งกำไรผลการดำเนินงานไตรมาส 2/56 ของบริษัทจดทะเบียน คาดว่าปีนี้กำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตประมาณ 18% แต่ควรระวังในช่วงปลายเดือน ก.ค. ถึงเดือน ส.ค.ที่จะมีความชัดเจนในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นชัดเจนขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ