สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB155A และ LB21DA (รุ่นอายุ 3.9 ปี, 1.8 ปี และ 8.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 15,133 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 220.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL163A) มูลค่า 151.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH162A) มูลค่า 87.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 458.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,542 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,882 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -389 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.4% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยความกังวลเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการ QE ของสหรัฐฯ และปัญหาวิกฤตหนี้ในยูโรโซน รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลต่อ Global Sentiment ในวันนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มีแรงขายในพันธบัตรระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 389 ล้านบาท