นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีจะมีความผันผวนและแกว่งตัวในกรอบแคบ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นในยุโรปเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องการลาออกรมว.คลังและรมว.ต่างประเทศของโปรตุเกส ทำให้นักลงทุนมีความกังวล เนื่องจากภายหลังการลาออกของทั้ง 2 รัฐมนตรี ทำให้ Bond Yield ของโปรตุเกสเพิ่มสูงขึ้น ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลโปรตุเกสอาจต้องมีการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มขึ้น
ส่วนปัจจัยที่หนุนตลาดในวันนี้เป็นเรื่องของการขานรับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทวิจัยในสหรัฐฯที่คาดว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มจ้างงานสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้ามีตลาดที่ดัชนีเป็นบวกและเป็นลบคละกัน
พร้อมให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,420 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(3 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,988.55 จุด เพิ่มขึ้น 56.14 จุด(+0.38%) ดัชนีเอส
แอนด์พี 500 ปิดที่ 1,615.41 จุด เพิ่มขึ้น 1.33 จุด(+0.08%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,443.67 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด
(+0.30%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 85.29 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 187.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.39 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 11.90 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(3 ก.ค.)ที่ 1,443.57 จุด ลดลง 20.41 จุด(-1.39%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,385.50 ล้านบาท เมื่อ 3 ก.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำวานนี้(3 ก.ค.)ที่ 101.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(3 ก.ค.)ที่ 9.0 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.05/07 รอปัจจัยใหม่
- คปก.ชี้"พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน"ขัดรัฐธรรมนูญ ยกมาตรา 169 ยันเงินกู้เป็นเงินแผ่นดิน จ่ายเงินได้ต้องจัดทำตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ ชี้เงินกู้ลัดขั้นตอนฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ตรวจสอบตลอด 7 ปีของการกู้เงิน แผนยุทธศาสตร์ไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่าทางการเงิน เศรษฐกิจ สอนมวยรัฐรอบคอบก่อนออกพ.ร.บ.ต้องคำนึงสิทธิประชาชนและการมีส่วนร่วมขู่รัฐไม่ฟังเปิดเวทีรณรงค์ ด้านนายกฯสั่งครม.เศรษฐกิจเดินหน้าโครงการทันทีหลังรัฐสภาเห็นชอบ"ชัชชาติ"ลั่นไม่สะดุดเหมือนโครงการน้ำ
- ธปท.เผยแบงก์ต่างชาติสนทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในไทยทั้งจากออสเตรเลีย-เกาหลีญี่ปุ่น คาดไม่เกินกลางปีหน้าอนุมัติใบอนุญาต เน้นแบงก์ขนาดใหญ่มีศัยกภาพ หนุนการค้า-ลงทุน ด้านกลุ่มมิตซูบิชิยื่นขออนุญาตถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีฯเกินกว่า 49% แล้ว ขณะกลุ่มรัตนรักษ์ยันไม่ลดสัดส่วนหุ้น มั่นใจอนาคตสดใสหลังผนึกสถาบันการเงินระดับโลก
- ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โครงการรถคันแรก ฉุดตลาดรถมือสองวูบ ยอดขายหดตัวรุนแรง เต็นท์รถระบุบางแห่งหายไปกว่า 50% ฉุดราคาร่วงตาม เผยผู้ประกอบการสายป่านสั้นปิดกิจการหลายราย เผยทางออกหั่นราคารับซื้อพยุงตลาด
- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การส่งออก 5 เดือนแรก ขยายตัว 2% และการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มแผ่วตัวลงชัดเจน ซึ่งรัฐบาลคงทำอะไรไม่ได้มากนัก
- โบรกเกอร์เพิ่มน้ำหนักปัจจัยการเมืองมีความเสี่ยงสูงสุดเทียบเท่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หวั่นขั้นตอนทางรัฐสภาฯสะดุด ฉุดภาพเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้นเปลี่ยน ชี้หากยุบสภากระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ มองกำไร บจ.ปีนี้เป็นไปตามเป้า 8-9 แสนล้านบาท แม้เศรษฐกิจในประเทศโตต่ำคาด
*หุ้นเด่นวันนี้
- MC (บมจ.แม็คกรุ๊ป)เทรดวันนี้วันแรกในหมวดธุรกิจพาณิชย์ กลุ่มบริการ มีหุ้นจดทะเบียนกับตลท. 800 ล้านหุ้น ราคา Par 0.50 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้น IPO 200 ล้านหุ้น ราคาขาย IPO 15 บาท/หุ้น โดยบริษัทฯดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องแต่งกายและไลฟ์สไตล์ ภายใต้เครื่องหมายการค้าของกลุ่มบริษัท และเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น โดยมุ่งเน้นการเป็นผู้บริหารตราสินค้าบริหารการขายและการตลาดการออกแบบ จัดหาผลิตภัณฑ์ บริหารคลังสินค้าและการกระจายสินค้า
- TMB (ฟินันเซีย ไซรัส)นสพ.วันนี้ลงข่าวว่า Maybank จะเจรจาขอซื้อ TMB จาก ING ทั้ง 31% คาดจบดีลได้ในเดือน ส.ค.หรือเร็วที่สุดในเดือนนี้ มองราคาหุ้นมี upside ให้เก็งกำไรได้หลังเกิดดีล BAY-BTMU ซึ่งซื้อขายที่ PBV 2.09 เท่า ถ้าอิงระดับนี้ ราคา TMB จะอยู่ที่ 2.60-2.70 บาท ซึ่งสอดคล้องกับที่ ING เคยระบุถึงราคาขายที่ต้องการ
- SIM(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 4.20 บาท คาดกำไร new high อีกครั้งใน 2Q13 ที่ 253 ล้านบาท +43% Q-Q, +1,005% Y-Y จาก smart phone ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ามือถือธรรมดามีปริมาณการขายเครื่องเพิ่มขึ้น หากกำไรเป็นไปตามคาด จะทำให้งวดครึ่งปีแรกโตก้าวกระโดดถึง 874% Y-Y จากฐานต่ำในปีก่อน และคิดเป็น 55% ของคาดการณ์ทั้งปี พร้อมประมาณการกำไรปีนี้ไว้ตามเดิมที่คาดโต 328% Y-Y
- LPN(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 26.80 บาท ยอด Presales 2Q13 +30% Q-Q, +43% Y-Y เป็น 8.77 พันล้านบาท ทำให้ยอด presales 1H13 อยู่ที่ 1.55 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 76% ของเป้าทั้งปี ซึ่งน่าจะทำตามเป้าได้ไม่ยาก เพราะมีแผนเปิดอีก 8 โครงการ มูลค่า 1.54 หมื่นล้านบาทใน 2H13 แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นใน 2Q13-3Q13 ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 12.2 เท่า ต่ำกว่ากำไรที่คาดว่าจะโต 27% ในปีนี้
- VGI(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้าใหม่ 147 บาท มุมมองบวกเพิ่มขึ้นหลังใช้กลยุทธ์การปรับ Package สื่อ Multimedia และยังมีปัจจัยบวกจากธุรกิจสื่อ Transit และสื่อ In Store แนวโน้มเติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม ผนวกกับการรับรู้การปรับลดค่าสิทธิการบริหารสื่อจาก BTS เต็มปี คาดว่าปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร พร้อมปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,333 ล้านบาท เติบโต 47% YoY
- BCP(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 40 บาท กลุ่มโรงกลั่นกลับมาเป็นที่สนใจของตลาดอีกครั้งหลังความตึงเครียดในซีเรีย-อียิปต์ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่พื้นฐานยังคงให้ BCP เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่ม มองไตรมาส 2 จะรับผลกระทบ Seasonality ธุรกิจโรงกลั่นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ขณะที่ระยะกลาง-ยาวมองการกระจายธุรกิจไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ และการขยายร้านค้าปลีก ร่วมกับการขยายสถานีบริการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับราคาหุ้นในอนาคต