ส่วนแนวทางที่สองหาก วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ไม่สามารถขยายระยะเวลาการชำระเงิน บริษัทก็จะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนเพียง 4% ตามจำนวนเงินที่บริษัทมีอยู่รวม 800 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่บริษัทได้รับจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ราว 600 ล้านบาท และเงินที่บริษัทได้ทำสัญญาจองซื้อหุ้นและจ่ายเงินมัดจำ 200 ล้านบาท
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า บริษัทจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อหาแนวทางการดำเนินการกับจำนวนหุ้นในส่วนที่เหลือดังกล่าว ซึ่งคาดว่าภายในต้นสัปดาห์หน้าจะมีข้อสรุปจากทางบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และยืนยันว่าการดำเนิการกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือนั้นจะไม่กระทบกับผู้ถือหุ้นเดิมที่ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทไปแล้ว
"ทั้ง 2 แนวทาง ก็อยู่ระหว่างรอคำตอบจากทางวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ในต้นสัปดาห์หน้าว่าจะออกมาเป็นอย่างไร การดำเนินงานทั้งหมดก็จะไม่กระทบกับผู้ถือหุ้นที่ใช้สิทธิ์ RO และผลของการเจรจากับวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เราก็ไม่ได้ไปเจาะจงว่าจะมีใครมาติดต่อซื้อหุ้นแบบ PP เพราะถ้าผลออกมาในแนวทางที่ 2 เราก็ไม่ต้องมีการติดต่อกับใคร ซึ่งรอความชัดเจนทางวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ในสัปดาห์หน้า"นายไพฑูรย์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/56 คาดว่ารายได้จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/56 เนื่องจากในไตรมาส 2/56 จะรับรู้รายได้จำนวนกว่า 1.5-1.8 พันล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้น เม.ย.56 บริษัทมีมูลค่างานในมือ(Backlog)อยู่ที่ 6,050 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการลงทุนโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส โรงไฟฟ้าไบโอแมส และโรงไฟฟ้าขยะ คาดว่ามีโอกาสได้ข้อสรุปภายในปีนี้
"ตอนนี้เราก็อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลงทุนในโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส โรงไฟฟ้าไบโอแมส และโรงไฟฟ้าขยะ ก็มีการศึกษากันอย่างเข้มข้นมากในตอนนี้เราคาดว่ามีโอกาสความเป็นไปได้จะได้เห็นการลงทุนในโครงการเหล่านี้ภายในปีนี้"นายไพฑูรย์ กล่าว