นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัด ตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียในช่วงเช้าที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น รับผลบวกจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนมิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานยังทรงตัวในระดับ 7.6% ส่งผลให้ทำให้นักลงทุนมองเป็นแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับผลบวก ทำให้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามาพอสมควร และเป็นอีกแรงที่หนุนตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของนักลงทุนในประเทศและต่างชาติในวันนี้คาดว่ายังคงเบาบาง
พร้อมให้แนวต้าน 1,450-1,460 จุด แนวรับ 1,430 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(5 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,135.84 จุด เพิ่มขึ้น 147.29 จุด(+0.98%) ดัชนีเอส
แอนด์พี 500 ปิดที่ 1,631.89 จุด เพิ่มขึ้น 16.48 จุด(+1.02%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,479.38 จุด เพิ่มขึ้น 35.71 จุด
(+1.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 181.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 23.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 256.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 21.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.50 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.60 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 8.00 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(5 ก.ค.)ที่ 1,441.33 จุด เพิ่มขึ้น 10.45 จุด(+0.73%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,324.95 ล้านบาท เมื่อ 5 ก.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำล่าสุด(5 ก.ค.)ที่ 103.22 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์หรือ 1.96%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(5 ก.ค.)ที่ 9.7 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.32/34 กังวลสหรัฐฯชะลอ QE, จับตาราคาทอง
- พาณิชย์เตือนส่งออกเร่งหาตลาดใหม่รับเศรษฐกิจจีนชะลอ แต่มั่นใจไม่ยืดเยื้อเอกชนเผยส่งออกของไทยได้รับผลกระทบมากขึ้น"ยางพารา-อิเล็กทรอนิกส์-เม็ดพลาสติก"กระทบหนัก ส่วนกลุ่มอาหารไม่กระทบ ขณะกลุ่มไลฟ์สไตล์ยังสดใส
- ธุรกิจไทยมั่นใจตลาดจีน แม้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ทูตพาณิชย์มั่นใจครึ่งหลังปรับตัวดีขึ้นแนะรัฐบาล 2 ประเทศ ร่วมแก้ปัญหาโควตาแรงงานไทย ซีพี เชื่อการเติบโตจีนยังไม่อิ่มตัว "นพ.บุญ" ชี้แผนปฏิรูปสาธารณสุขเปิดโอกาสธุรกิจโรงพยาบาลด้านดุสิตตั้งเป้า 7 ปีเปิดบริการโรงแรมกว่า 5 พันห้อง
- นักวิเคราะห์ฟันธง กนง.คงดอกเบี้ย ในการประชุม 10 ก.ค. นี้ แม้แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว แต่รอดูความชัดเจนในไตรมาส 2 และปัญหาทุนเคลื่อนย้ายจากเฟดลด 'คิวอี' คาดมีโอกาสปรับลด 0.25-0.50% ในปีนี้
- กรมสรรพากรตั้งกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงการขอคืนภาษีปลอมของกลุ่มบริษัท 30 บริษัท ทั้งในเขตพื้นที่บางรัก สมุทรปราการและนนทบุรี ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน ที่มีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มปลอมไปแล้ว 3,647-4,600 ล้านบาทโดยพบว่าบริษัทที่ขอคืนภาษีปลอมอ้างว่า ประกอบธุรกิจส่งเศษเหล็กไปขายต่างประเทศ โดยมีการสร้างราคาขายหลายครั้งเพื่อให้ราคาส่งออกมีมูลค่าสูง จะได้ขอคืนภาษีมากและมีการทำเป็นขบวนการ
- บริษัท กสท โทรคมนาคมเข้ายื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่5 ก.ค. กรณีร่างประกาศเรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่(อินฟราสตรัคเจอร์ แชริ่ง) ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องแชร์โครงข่ายร่วมกันเป็นการขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
- ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่าหลังจากกระทรวงคมนาคมอนุมัติยกเลิกการดำเนินโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือช่วง N1-N3 กทพ. จะได้ทบทวนแผนการก่อสร้างทางด่วนใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและตอบสนองความต้องการผู้ใช้ทาง โดยจะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างทางด่วนสายดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง8.8 กม. วงเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณจีดีพีเหลือ 4% จาก4.8% เหตุส่งออก-บริโภคซบ ขณะที่การลงทุนภาครัฐแผ่ว ชี้แนวโน้มดอกเบี้ย ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเป็นขาขึ้นสู่ระดับเหมาะสมที่ 3-3.25%
*หุ้นเด่นวันนี้
- DELTA (เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"ปัจจัยหนุนระยะสั้นคือเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 31.35 บาท/ดอลลาร์หรืออ่อนค่าสุดในรอบ 11 เดือน และประเมินยังอ่อนค่าต่อเนื่องในไตรมาสนี้ กำไรขั้นต้นบริษัทกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้ปัจจัยบวกต่อเนื่องจากในไตรมาส 2 ทุก 1% ของเงินบาทที่อ่อนค่าจากสมมติฐานที่ 28.9 บาทจะทำให้กำไรปกติของ DELTA เพิ่มขึ้นราว 5%
- BAFS (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 28 บาท ล่าสุดรายงานปริมาณการเติมน้ำมัน มิ.ย.56 เพิ่มขึ้น 13% YoY และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 20% YoY ก่อนหน้านี้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 56-57 ขึ้น 30% สะท้อนการปรับสมมติฐานการเติบโตของปริมาณเติมน้ำมันจาก 3% เป็น 5% และคาดการณ์ว่า FPT จะเริ่มมีกำไรในปีนี้ราว 80-100 ล้านบาท โดยประเมินกำไรสุทธิในปี 56 และ 57 ไว้ที่ 888 และ 990 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12% ต่อปี
- PTTEP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 182 บาท คาดกลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มหลักเคลื่อนไหว Outperform ตลาดได้ใน 2H56 รับประโยชน์โดยตรงการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐ และแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเคลื่อนไหว Underperform ตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมี Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX สูงกว่า US$100.00/barrel รวมทั้ง Catalyst ใหม่การพบก๊าซแหล่งในพม่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กำไรปกติ 2Q56 คาดราว 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท
- BCP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 41 บาท มี Sentiment เชิงบวกน้ำมันดิบ NYMEX ทรงตัวสูงกว่า US$100.00/barrel ขณะที่ 2Q56 คาดกำไรสุทธิ 309 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 385 ล้านบาทใน 2Q55 แม้ค่าการกลั่นจะลดลง-31% qoq เหลือ US$5.5/barrel แต่จะรับรู้รายได้ค่าประกันเหตุไฟไหม้ 1,100 ล้านบาทใน 2Q56 ชดเชยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี
- VIBHA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 14 และเหลือ 11.70 บาท หลังเพิ่มทุน 5:1 @1 บาท เนื่องจากคาดกำไรโต 30% ในปีนี้ สูงกว่ากลุ่มที่โต 23% จาก Capacity เพิ่มขึ้น 30% หลังเปิดอาคารใหม่ตั้งแต่ มี.ค.การซื้อ CMR(ถือ 83.75%)ปลายปี 54 ทำให้ฐานกำไรเพิ่มจากปีละ 130-160 ล้านบาทในอดีต เป็น 392 ล้านบาทในปี 55 และคาดว่าจะเป็น 509 ล้านบาทปีนี้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะซื้อที่ PE เพียง 13.7 เท่า ยังคงมองหาโอกาสเข้าไปถือหุ้นรพ.อื่นโดยมีเป้าหมายเป็นรพ.ระดับกลาง-ล่างที่มีศักยภาพ ขณะเดียวกันปัจจุบันก็อยู่ระหว่างก่อสร้างรพ.อีก 3 แห่ง