บลจ.ฟิลลิป มองว่า การที่สหรัฐฯจะยกเลิกมาตรการ QE เป็นผลดี เพราะเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะฟื้นตัว แต่ในระยะสั้นทำให้เกิดแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นปกติที่ช่วงกลางปีตลาดหุ้นจะซบเซา เพราะนักลงทุนต่างชาติจะเทขายทำกำไรเป็นจำนวนมาก แต่เชื่อว่าในช่วงปลายปีนักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับเข้ามาซื้ออีกรอบ
ส่วนกองทุนต่างๆยังมองตลาดหุ้นในเอเชียน่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียยังเติบโตในระดับที่ดี แต่ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังผันผวนในระยะสั้น ขณะที่ปัจจัยการเมืองยังไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก เพราะนักลงทุนในประเทศเคยชินกับการเปลี่ยนแปลงของการเมือง
"จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศก็ยังสนใจตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ยังน่าลงทุนอยู่ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งฟิลลิปมีสาขาอยู่ 16 ประเทศ ทั่วโลก และส่วนใหญ่ยังมองว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยังไม่ล้ม"นายวรรธนะ กล่าว
ด้านนาย Jeffrey Lee ChayKhiong กรรมการผู้จัดการและประธานการลงทุน บลจ.ฟิลลิป แคปปิตอล เมเนจเมนท์ สิงคโปร์ กล่าวว่า กองทุนต่างประเทศที่ฟิลลิปบริหารยังมองตลาดหุ้นเอเชียให้ผลตอบแทนดีกว่ายุโรปและสหรัฐฯ อย่างเช่น กองทุนที่บริหารจัดการการลงทุนให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น ให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัดส่วน 25% โดยเน้นหุ้นกลุ่มสื่อสาร แบงก์ และก่อสร้าง ซึ่งมีการลงทุนตั้งแต่ปี 49 ซึ่งกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนรวมกว่า 30% แล้ว
"ในช่วงนี้รอให้แรงขายนิ่งก่อน แล้วถ้าสถานการณ์กลับมาปกติก็พร้อมลงทุนเพิ่ม และการที่สหรัฐฯจะยกเลิก QE เพราะเศรษฐกิจเขาเริ่มดีขึ้นก็เป็นข่าวในมุมมองเชิงบวก และหลังจากแรงขายนี้หมดคาดว่าตลาดคงจะกลับมาตลาดนิ่ง"นาย ChayKhiong กล่าว
สำหรับกรณีที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงนั้น มองว่าเป็นการชะลอเพื่อไม่ให้ร้อนแรงมากเกินไป แต่ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนพร้อมขยับขึ้นไปได้ ขณะที่แนะนำให้เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ให้ปันผลดีและยังมีราคาต่ำ