หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 71.84 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 15,296.53 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 8.82 จุด หรือ 0.54% แตะที่ 1,649.28 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 9.44 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 3,494.27 จุด
อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ รายงานว่า หากไม่รวมรายการพิเศษต่างๆ บริษัทมีกำไรสุทธิ 76 ล้านดอลลาร์ หรือ 7 เซนต์ต่อหุ้น จากรายได้ทั้งหมด 5.849 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากประสิทธิภาพด้านการผลิตที่สูงขึ้นทั่วทุกภาคธุรกิจของบริษัท และผลประกอบการที่สูงเป็นประวัติการณ์ของธุรกิจโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรม
ทั้งนี้ รายได้ต่อหุ้นที่มีการปรับตามปัจจัยต่างๆแล้ว สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เพียงแค่ 1 เซนต์ โดยผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ของ FactSet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเงิน คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 6 เซนต์ต่อหุ้น จากรายได้ทั้งหมด 5.85 พันล้านดอลลาร์
หุ้นอัลโคร่วงลง 1.26% ในการซื้อขายช่วงเช้าของตลาดหุ้นนิวยอร์กวันนี้
การเปิดเผยผลประกอบการของอัลโคถือเป็นสัญญาณว่าฤดูการรายงานงบการเงินของบริษัทสหรัฐได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว โดยบริษัทการเงินรายใหญ่ๆของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เจ.พี. มอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการก่อนเปิดตลาดวันศุกร์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะกำหนดทิศทางสำหรับฤดูการรายงานผลประกอบการครั้งใหม่นี้
ข้อมูลของธอมสัน รอยเตอร์ระบุว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียน S&P 500 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีที่แล้ว ขณะที่รายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% จากปีก่อน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยในวันนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. หลังปรับตัวขึ้น 2 เดือนติดต่อกันสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
NFIB เปิดเผยว่า ดัชนีมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็กอยู่ที่ระดับ 93.5 ในเดือนมิ.ย. ลดลง 0.9 จุด จาก 94.4 ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการทำลายความหวังที่ว่าความเชื่อมั่นในหมู่นายจ้างจะฟื้นตัวขึ้น
ในส่วนของข่าวภาคธุรกิจนั้น NYSE Euronext Rate Administration Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NYSE Euronext ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้กำกับดูแลอัตราดอกเบี้ย LIBOR แทนบริษัทย่อยของสมาคมธนาคารอังกฤษ