บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ขาย"หุ้นบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)มองว่าสภาพตลาดที่ผันผวนจะทำให้ยากสำหรับ TRUE ในการจัดหาเงินทุนจากการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น หากบริษัทมีการจัดตั้งกองทุนจะเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยจ่ายมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และจะทำให้การดำเนินงานหลักในระยะยาวปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นจึงทำการปรับ EV/EBITDA multiple ของบริษัทลงจากเดิมที่ 11 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทยมาเป็น 8.2 เท่าซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ทำให้ราคาเหมาะสมลดลงจาก 7.5 บาท เป็น 4.0 บาท
อนึ่ง TRUE มีแผนจะจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในสิ้นปี 56 เพื่อจะนำเงินมาใช้สำหรับแผนลงทุนกว่า 26.5 พันลบ.ในปีนี้ และจ่ายคืนหนี้ โดยบริษัทไม่เปิดเผยถึงสินทรัพย์ที่จะนำมาเข้ากองทุน จึงคาดว่ากองทุนจะให้บริการตัวเสาและสายไฟเบอร์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทาน โดยเชื่อว่าผู้ใช้บริการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นตัว TRUE เองทั้งหมด เนื่องจาก ADVANC และ DTAC ก็ลงทุนโครงข่ายของตนเอง ดังนั้น จึงอาจเกิดสถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่างผลตอบแทนของกองทุนและค่าใช้จ่ายของตัว TRUE เชื่อว่าสภาวะตลาดที่อ่อนแอจะทำให้การระดมทุนด้วยวิธีนี้เป็นไปอย่างยากลำบากขึ้น
ปัจจุบันกองทุนอสังหาอย่าง CPNRF และ TLGF ที่ราคาปรับลงมา ให้ผลตอบแทนที่ 5.5-7.2% dividend yield ทำให้เชื่อว่ากองทุนของ TRUE จำต้องให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของ TRUE ที่ระดับ 6.9% ในปี 55 ทำให้ไม่เชื่อว่าจะมีการประหยัดต้นทุนจากการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมากนัก
นอกจากนั้นการตั้งกองทุนจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาด้านงบดุลไม่ใช่ผลการดำเนินงานหลัก ดังนั้นจนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของธุรกิจมือถือและโทรทัศน์ จึงยังคงระมัดระวังกับความเสี่ยงในอนาคตของบริษัท