ส่วนรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เมื่อคืนนี้ มีสมาชิกให้ความเห็นว่าควรรอภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯให้ปรับตัวดีขึ้นกว่านี้ก่อนจะยกเลิกหรือปรับลดขนาดของมาตรการ QE ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณบวกสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้าส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่ดัชนีนิเกอิเปิดตลาดช่วงเช้ายังแกว่งตัวผันผวน พร้อมให้แนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,370 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(10 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,291.66 จุด ลดลง 8.68 จุด(-0.06%) ดัชนีเอส
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 141.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 273.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 69.28 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 26.65 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 10.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.84 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 14.50 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(10 ก.ค.)ที่ 1,388.41 จุด ลดลง 10.28 จุด(-0.73%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,815.37 ล้านบาท เมื่อ 10 ก.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำวานนี้(10 ก.ค.)ที่ 106.52 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.99 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(10 ก.ค.)ที่ 9.3 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.02/04 แข็งค่าตามภูมิภาค
- หอการค้าประเมิน 3 ปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง "เศรษฐกิจโลก-น้ำมัน-การเมือง" คาดปีนี้โต 4-5% แนะรัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสศช.เผยเวิร์คชอปศุกร์นี้ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ มุ่งแก้ราคาสินค้า-หามาตรการหนุนภาคส่งออก ขณะ"โฆสิต"แนะปรับนโยบายเศรษฐกิจ หลังกระตุ้น 2 ปี ได้ผลน้อย
- กนง.คงดอกเบี้ย 2.50% ตามตลาดคาดการณ์ ระบุเป็นระดับที่เอื้อต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ แม้ประเมินเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกว่าคาดและกระทบส่งออก แต่อยู่ในช่วงปรับตัว เตรียมปรับประมาณการใหม่ 19 ก.ค.นี้
- ผลสำรวจนักวิเคราะห์ปรับลดเป้าดัชนี สิ้นปีเหลือ 1,569 จุด มองต่ำสุด 1,329 จุด พร้อมหั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 4.6% ผลจากความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว สหรัฐลดมาตรการคิวอี และปัญหาการเมืองในประเทศ หวั่นภาครัฐและเอกชนปรับลดแผนลงทุน ฉุดแนวโน้มตัวเลขจริงแย่กว่าที่คาดการณ์
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ สศค.จะเข้าหารือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังดัชนีการบริโภคการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งมาตรการที่จะเสนอได้แก่ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน และเงินที่ยังค้างท่ออยู่อีกหลายรายการที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ตามที่กำหนดไว้เพื่อให้เม็ดเงินลงไปในระบบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- IRPC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.00 บาท เห็นด้วยว่าการดำเนินการของ IRPC มีโอกาสพลิกกลับมาดูดีขึ้นภายหลังจากที่โครงการฟีนิกซ์ขนาดใหญ่เริ่มดำเนินการในช่วง 2H58 อย่างไรก็ตามระยะสั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี ขณะที่ในระยะสั้นผลประกอบการยังคงด้อยกว่ากลุ่ม
- THANI(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 9.40 บาท ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแรงกว่า 37% จากระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือน พ.ค. น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมหุ้นสำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งจากกำไร 2Q56 ที่น่าจะยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีผลต่อผลการดำเนินงาน THANI น้อยมาก ขณะที่ Valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับเพียง 2.5 เท่า PBV และ 8.8 เท่า PER เทียบกับแนวโน้มกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น รวมทั้งให้ dividend yield ระดับ 5%
- AOT (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 208 บาท บริษัทตั้งเป้าการขยายตัวของปริมาณผู้โดยสาร และเที่ยวบินในปี 2556 ไว้ที่ 14.5% YoY และ 19% YoY ขณะที่ปัจจัยหนุนในระยะต่อไปจะอยู่ที่แผนการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารที่ 2 ของสนามบินดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้ในปี 2557 และจะช่วยให้รองรับผู้โดยสารได้อีก 10.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 39% นอกจากนี้มองว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับค่าธรรมเนียมผู้โดยสารในประเทศจาก 100 บาทเป็น 150 บาท และผู้โดยสารต่างประเทศจาก 700 บาท เป็น 800 บาทในอนาคต จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20-25%
- KCE(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 18 บาท คาดกำไรปกติใน 2Q13 สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสจากคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งและยาวครอบคลุมถึงสิ้นปี และมีแนวโน้มปรับเพิ่มกำไรปกติปีนี้ และคาดปันผลระหว่างกาล 0.33 บาท
- SVI(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 3.80 บาท คาดกำไรปกติฟื้นตัวขึ้นเป็น 104 ล้านบาทใน 2Q13 (+643% Q-Q, -18% Y-Y) และน่าจะมีเงินประกันน้ำท่วมและรายการพิเศษอื่น ทำให้มีกำไรสุทธิ 172 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามคาด กำไรปกติใน 1H13 จะคิดเป็น 20% ของประมาณ แต่เรายังคงประมาณการกำไรปกติ เพราะแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลัง
- DRT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 9.30 บาท วานนี้ได้ไปเยี่ยมโรงงานอิฐมวลเบาที่สระบุรี ซึ่งเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่ มิ.ย. ที่ผ่านมา มีกำลังผลิต 140,000 ตัน/ปี แต่ยังใช้กำลังการผลิตต่ำเพียง 50-60% และมีของเสีย จึงฉุดผลประกอบการใน 2Q13 ซึ่งเป็น low season พอดี ทำให้คาดกำไรใน 2Q13 -13% Q-Q, - 4% Y-Y แต่คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะคุ้มทุนและเริ่มทำกำไรได้ในช่วงสิ้น 3Q13