แม้ว่าโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทและงานบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของภาครัฐอาจจะชะลอออกไป แต่บริษัทเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบต่อการดำเนินงาน เพราะปัจจุบันงานในมือ (Backlog)มีมูลค่าสูงถึง 7.1 หมื่นล้านบาท เป็นสัดส่วนงานภาครัฐราว 60-65% ซึ่งงานในมือทั้งหมดนั้นบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องนาน 3 ปี อีกทั้งบริษัทสามารถหันไปหางานภาคเอกชนมากขึ้นเพื่อชดเชยกับงานภาครัฐที่ชะลอตัว
"รายใหญ่ไม่กระทบจากปัญหาโครงการ 2 ล้านล้านบาทและงานบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท อย่าง ซิโน-ไทย เองก็ไม่กระทบ เพราะเรามี backlog ตอนนี้ถึง 7.1 หมื่นล้านบาท ผลประกอบการก็จะไม่กระทบ...ครึ่งปีหลัง เราก็ยังเชื่อว่า รายใหญ่ไปได้ดีในการรับงาน ส่วนเป้าหมายปีหน้าเราจะมุ่งเน้นงานสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่มีมูลค่าก่อสร้าง 7 หมื่นล้านบาท"นายวรพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้เพิ่มเป้าหมายรายได้ในปี 56 เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ครึ่งปีหลังจะมากกว่าครึ่งปีแรก ตามกำหนดการรับรู้รายได้ในแผนงานที่สร้างเสร็จในครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรก โดยส่วนใหญ่จะเป็นการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้า 4 สาย คือ สายสีม่วง, สายสีน้ำเงิน, สายสีเขียว และ สายสีแดง
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้ คาดว่าอยู่ระดับ 8-9% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีอัตรา 8.3%
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมลงทุนสร้างโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูป (พรีคาสท์) ใช้งบลงทุน 800 ล้านบาท โดยระหว่างนี้กำลังหาซื้อที่ดินที่อยู่ใกล้กรุงเทพ อาจเป็นที่ จ.นนทบุรี หรือ ที่ อ.ไทรน้อย จ.อยุธยา จำนวน 200 ไร่ หากตกลงราคาได้ก็จะก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง และน่าจะเริ่มผลิตได้ต้นปี 57 โดยโรงงานแห่งนี้จะรองรับการก่อสร้างรถไฟฟ้า 4 สายที่ขณะนี้จะมีงานก่อสร้างเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนโรงงานพรีคาสท์เดิมที่ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จะปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงแฟบลิเคชั่นเหล็ก หรือโรงงานขึ้นรูปงานเหล็ก