นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าวว่า โครงการผลิตสาร LAB ใช้วัตถุดิบหลัก คือสารเบนซีน (Benzene) และน้ำมันก๊าด (Kerosene) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเครือไทยออยล์ โดยกระบวนการผลิตทั้งหมดจะถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับโครงสร้างการผลิตของเครือไทยออยล์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะทำให้โครงการมีความได้เปรียบในด้านการผลิตเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น
นอกจากนี้ เครือไทยออยล์ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตของบริษัท UOP ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมีความปลอดภัยสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นที่ยอมรับอย่างสูงในอุตสาหกรรม LAB และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก
อีกทั้งสถานที่ตั้งโครงการอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากสามารถขนส่งสินค้าได้ทั้งทางทะเล และทางรถยนต์ ทำให้บริษัทสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าทั้งในประเทศและส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"โรงงานนี้จะมีกำลังการผลิต 1 แสนตันต่อปี ซึ่งเป็นระดับ world scale เพียงพอใช้ในประเทศและส่งออก โครงการนี้จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตสาร LAB ในภูมิภาคนี้ที่จะเป็นฐานส่งออกซึ่งมีประชากร 600 ล้านคน"นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ความต้องการสาร LAB ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผงซักฟอกเพิ่มสูงขึ้น โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 55 มีความต้องการราว 4 แสนตัน โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 3%ต่อปี ผู้บริโภครายใหญ่ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย ขณะที่ความต้องการโลกในปี 55 อยู่ที่ราว 3.2 ล้านตันต่อปี อัตราเติบโต 2-3% ต่อปี หรือมีความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000-100,000 ตันต่อปี
ด้านนายคาซุยะ โอกามูระ เจ้าหน้าที่และประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปานี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมลงทุนในบริษัท ลาบิกซ์ โดยจะสนับสนุนทางด้านการขายและการตลาด โดยมีลูกค้าที่สำคัญจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตผงซักฟอกในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียงตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยพม่าจะเป็นจุดต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ มิตซุยฯ มีประวัตินายกว่า 40 ปีในการค้าสาร LAB โดยปัจจุบัน มิตซุยฯสามารถรักษาอัตราส่วนการตลาดได้เกินกว่า 40%
บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนตระหว่างบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัดซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทยออยล์ ถือหุ้นสัดส่วน 75% และ มิตซุยฯ ถือ 25%