สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 1.8 ปี, 3.9 ปี และ 5.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,153 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ231A) มูลค่า 309.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 173.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG14NA) มูลค่า 102.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 584.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,618 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,105 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,118 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.44% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. ภายหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ(Fed.) ออกมาส่งสัญญาณว่า จะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป จนกว่าอัตราการว่างงานสหรัฐฯ จะลดลงถึงระดับเป้าหมายที่ 6.5% ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,118 ล้านบาท