ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนน่าจะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก จาก 2-3 ปัจจัย คือจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้น(นับรวม LTF RMF)ช่วงปลายปีเพิ่มเข้ามา ขณะที่ตราสารหนี้ระยะยาวอัตราผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น หนุนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมีเพิ่มขึ้นด้วย บวกกับ flow ของเงินที่จะกระจายความเสี่ยงต่างๆ ยังมีเข้ามาต่อเนื่องอยู่ จึงเชื่อระยะกลาง-ยาวอุตฯกองทุนยังโตได้ต่อเนื่อง
"ครึ่งหลัง Flow กองทุนหุ้นน่าจะเยอะ AUM น่าจะ growth กว่าครึ่งแรก"นายสมจินต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดหุ้นและตลาดกองทุนรวมยังผันผวนจากความกังวลท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) นักลงทุนอาจมองการลงทุนยากขึ้น แต่ข้อดีของตลาดหุ้นไทยคือปรับตัวค่อนข้างเร็ว ทำให้ระดับราคาหุ้นลงมาสู่ราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น บวกกับเงินบาทอ่อนค่า แต่ความกังวลเงินไหลออกยังเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องติดตาม บวกกับการเปลี่ยนแปลงการอัดฉีดเม็ดเงินของสหรัฐ เพราะเศรษฐกิจและการจ้างงานค่อยๆดีขึ้น และมียังประเด็นเรื่องเศรษฐกิจจีนเข้ามาอีก
"ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาสู่ระดับค่า P/E 13 เท่า เริ่มสมเหตุสมผลที่จะเข้าลงทุนระยะยาว หรือทยอยทำได้ ส่วนการเก็งกำไรต้องระวังเป็นพิเศษ"นายสมจินต์ กล่าว
กลยุทธ์ช่วงนี้จากผลกระทบช่วงสั้นจากแนวโน้มการชะลอหรือยกเลิกมาตรการ QE หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น การแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปประเทศที่กำลังพลิกฟื้นอย่างสหรัฐก็น่าสนใจ ส่วนการลงทุนในประเทศ ช่วงนี้น่าจะเป็นต้นทุนที่เหมาะสมของกองทุนหุ้น อย่างกอง RMF LTF แต่ถ้ากองทุนหุ้นผันผวนมากก็กระจายความเสี่ยงไปกองตราสารหนี้ระยะยาวได้ เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับสูงขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยระยะสั้นยังต่ำ ซึ่งกองตราสารหนี้ระยะยาวก็จะได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต้องยอมรับความผันผวนได้
นายธนวัฒน์ พานิชเกษม รองกรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน กลุ่มจัดการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,500-1,550 จุด ลดลงจากเดิมที่มอง 1,650 จุด ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีที่ปรับตัวขึ้น 15% จากต้นปีที่อยู่ในระดับ 1,400 จุด
ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังคือโครงการลงทุนของภาครัฐ แม้จะยังไม่เกิดในปีนี้แต่แนวโน้มทำได้จริงทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทแค่ล่าช้าออกไป ขณะที่การเมืองไม่น่ามีประเด็นปัญหามากนัก มองกรอบล่างดัชนี SET ไม่น่าหลุด 1,300 จุด ซึ่งระดับต่ำกว่า 1,400 จุด แนะนำทยอยสะสม อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 3/56 ตลาดหุ้นอาจผันผวนในแง่แรงขายหากมีข่าวร้ายเข้ามาเพิ่มอาจทำให้ต่างชาติขายอีกรอบ แต่เชื่อว่าไตรมาส 4/56 ก็น่าจะดีขึ้น